ห้องข่าวภาคเที่ยง - ใจจะเหี้ยมไปไหน ทำร้ายได้แม้กระทั่งหมา พลเมืองดีพบลุงคนหนึ่งใช้เชือกผูกน้องหมากับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง แล้วลากไปตามทาง อ้างเพราะหมาบ้า
ใจเหี้ยม ! ผูกเชือกลากสุนัขมากับรถ จยย.พ่วงข้าง
ทำเหมือนน้องไม่มีความรู้สึกหรือชีวิตจิตใจเลย คลิปวิดีโอดังกล่าวนี้ มีพลเมืองดีถ่ายไว้ได้ บอกว่าเธอขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้วเห็นลุงคนนี้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง มีเชือกเส้นยาวผูกน้องหมาไว้กับโครงเหล็กแล้วลากน้องไถลไปกับพื้นถนน พอสอบถามว่า "ลุงทำไปทำไม" ลุงบอก "มันเป็นบ้า จะเอาออกไปนอกชุมชน" ด้วยความตกใจ และอยากช่วยเหลือน้อง จึงส่งคลิปให้มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์
ทีมข่าวสอบถามไปยังมูลนิธิวอชด็อก บอกว่า หลังทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้เร่งประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ทันที พบความจริงที่โหดร้ายว่าน้องหมาสิ้นใจแล้ว คาดว่าภาพที่เราเห็นนั้น น้องอาจจะถูกลากไปไกลและวิ่งจนหมดแรงแล้ว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตัดหัวน้อง เพื่อนำไปพิสูจน์ทราบว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจริงหรือไม่
ส่วนลุง เตรียมถูกดำเนินคดีข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เพราะไม่ว่าน้องจะเป็นพิษสุนัขบ้าจริงหรือไม่ ลุงก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับน้องแบบนี้
และหากคุณผู้ชมพบว่า สัตว์ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่อาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เข้าตรวจสอบเท่านั้น หากพบว่าเป็นโรคจริง สัตวแพทย์จะเป็นผู้ทำการการุณยฆาตเอง
สุนัขถูกยิงด้วยลูกดอกเข้าที่หัว
เรื่องสุนัขถูกคนใจเหี้ยมรังแกยังมีอีก ภาพที่เห็นเป็นสภาพของสุนัขจรเพศเมีย อายุประมาณ 10 เดือน มีลูกดอกปักอยู่บนหัว ซึ่งไม่รู้ว่าไปโดนมาจากไหน
ผู้พบเห็นเป็นหญิงอายุ 47 ปี บอกว่าได้ยินเสียงสุนัขร้องใกล้ ๆ แถวบ้านในพื้นที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงพยายามเดินหา สุดท้ายพบน้องหมาตัวนี้กำลังวิ่งไป-มา ด้วยความเจ็บปวด จึงให้หลานอุ้มกลับบ้าน ก่อนแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย
เธอเล่าต่อว่า น้องเป็นหมาจรที่ชาวบ้านในพื้นที่ไปให้อาหารอยู่บ่อย ๆ เคราะห์ดีที่แม้จะเจ็บตัว แต่น้องก็ยังไม่มีนิสัยดุร้าย การช่วยเหลือจึงผ่านพ้นไปด้วยดี
เบื้องต้น ทีมกู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลสุนัขตัวดังกล่าว ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสัตว์ เพื่อทำการผ่าตัด ซึ่งกลุ่มเฟซบุ๊ก แมวหมาอยุธยา V.4 จะเป็นผู้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน และจะโพสต์ลงในกลุ่ม เพื่อเปิดระดมทุนรับบริจาคเงิน ผู้ใจบุญรักหมาแมวช่วยเหลือ ค่ารักษาพยาบาลของสุนัขตัวนี้อีกครั้ง
ขอบคุณภาพจาก : Facebook มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT
