เดินหน้าคดีฮั้วเลือก สว. พยานในชั้นสืบสวนน่าเชื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น คณะอนุกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษ ชงเข้าบอร์ด กคพ. ลงมติรับ-ไม่รับสอบสวน 6 มี.ค.นี้ เอกสาร 1,200 รายชื่อ ไม่ได้หลุดจากสำนวนสืบสวน คาดมาจากวันคัดเลือก สว. รอบสุดท้าย
วันนี้ (3 มี.ค.68) ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะประธานอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และ 4 ผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นไปตามประกาศ กคพ.
หลังการประชุม ร.ต.อ.สุรวุฒิ เปิดเผยว่า การประชุมตามที่บอร์ด กคพ. ได้มอบหมายดำเนินการเพื่อให้เกิดความรอบคอบในประเด็นเรื่องอำนาจหน้าที่ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้ 3 ข้อ คือ เรื่องดังกล่าวมีมีความผิดอาญาฐานใดบ้าง ซึ่งกรรมการทุกคนได้เห็นเป็นเอกฉันท์ตรงกันว่า มีความผิดอาญาเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 (ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ) มาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 ววรคหนึ่ง (ก) - (จ) แห่ง พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เนื่องจากมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน
“มีความจำเป็นที่จะต้องนำเสนอต่อบอร์ด กคพ. ในวันที่ 6 มี.ค.68 เพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษทั้ง 2 กรณี โดยกรณีที่ 1 คือ กรณีการกระทำความผิดทางอาญาอื่นที่เกิดขึ้นจากการอั้งยี่ รวมทั้งการกระทำความผิดที่เป็นการได้มาซึ่ง สว. ตามมาตรา 77 (1) ส่วนกรณีที่ 2 คือ ความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการคดีพิเศษ”
ร.ต.อ.สุรวุฒิ ยืนยันว่า ดีเอสไอไม่ได้ทำเรื่องการเลือกตั้ง แต่ทำเรื่องความผิดทางอาญาอย่างเดียว ส่วนบอร์ด กคพ. จะมีความเห็นอย่างไรก็เป็นในส่วนของบอร์ดฯ คณะอนุกรรมการฯ ไม่สามารถก้าวล่วงได้ ทั้งนี้การจะรับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษจะต้องใช้มติ 2 ใน 3 ของบอร์ด กคพ. คณะอนุกรรมการฯ มีหน้าที่เพียงกลั่นกรองเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 5 มี.ค.68 อธิบดีดีเอสไอจะเข้าหารือกับประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ ไม่สามารถทราบรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมอนุกรรมการฯ ครั้งนี้ ไม่ได้หารือถึงเรื่องรายชื่อ 1,200 ราย ที่ปรากฏว่าเป็นพยานของดีเอสไอในคดีฮั้วเลือก สว. พร้อมย้ำว่า รายชื่อดังกล่าวไม่ได้เป็นเอกสารที่หลุดออกมาจากดีเอสไอ แต่เท่าที่ดูเหมือนจะเป็นเอกสารที่หลุดออกมาจากวันที่มีการประกาศรายชื่อ 800 ราย ที่เข้ารอบสุดท้าย ไม่ได้หลุดมาจากสำนวนการสืบสวนของดีเอสไอ
“หากบอร์ด กคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษก็จะมีการสอบสวนโดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับพนักงานอัยการ แต่ถ้าไม่รับเป็นคดีพิเศษ ก็ต้องมีมติว่าจะส่งต่อหน่วยงานใดดำเนินการแทน ย้ำว่าดีเอสไอทำเรื่องคดีอาญาอย่างเดียว ส่วนเรื่องการเพิกถอนการเลือกตั้งเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ได้เกี่ยวกับดีเอสไอหรือหน่วยงานใด เพราะเป็นกฎหมายของ กกต.”
นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การพิจารณาพยานหลักฐานมาจากการสืบสวนของดีเอสไอเป็นหลัก เพื่อให้ที่ประชุมน่าเชื่อว่า มีความผิดอาญาเกิดขึ้น ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นมีทั้งในส่วนของประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาฯ ซึ่งเราก็พิจารณาตามพยานหลักฐานทั้งหมด ส่วนหลักฐานจะเป็นอย่างไรและมีอะไรบ้างนั้น ตนไม่สามารถที่จะนำออกมาบอกแก่สื่อมวลชนได้ แต่ในที่ประชุมได้มีการดูและฟัง รับทราบจนเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
