รัฐบาลไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า สมศักดิ์ยอมรับบางหน่วยงานยังทำงานไม่เต็ม 100% ห่วง ”พอดเค“ อันตรายถึงชีวิต สสส. เดินหน้าปิดจุดอ่อน บุหรี่เป็นภัยอันดับที่ 1 ของภัยสุขภาพ ทำคนไทยตายก่อนวัยอันควร
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 1 กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 2/2568 ว่า รัฐบาล น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ที่ระบาดหนักในกลุ่มเด็กเยาวชน สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเข้มงวดภายใน 30 วัน พื้นที่ใกล้สถานศึกษา ห้ามมีการซื้อขายให้เด็กเยาวชนเด็ดขาด สั่งการให้จับกุมผู้นำเข้าและผู้ขายอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมา เข้าใจว่ายังมีปัญหาอุปสรรคหลายจุด หน่วยงานภาครัฐเองก็ยังไม่กวดขันเต็มที่ บางหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงก็ทำหน้าที่ไม่เต็ม 100% จึงฝากให้ สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย สื่อสารรณรงค์สร้างความตระหนัก เน้นบูรณาการความรู้ให้เด็กและเยาวชนรู้ทันภัยบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ “พอตเค” หรือ “หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผสมยาเค” ซึ่งเป็นยาเสพติดรูปแบบใหม่ที่มากับบุหรี่ไฟฟ้า ที่ลักลอบนำสารเคตามีนไปผสมแทนน้ำยา เพื่อหวังฤทธิ์หลอนประสาท ผ่านวิธีการสูดดม หรือสูบควัน และบุหรี่ซอมบี้ ที่หัวน้ำยาผสมสารเอโทมีเดท หรือยานำสลบที่ใช้ในทางการแพทย์ ออกฤทธิ์เหมือนยาเสพติด ทำให้ง่วงซึมรุนแรง เกิดภาวะหายใจช้าลงจนเป็นอันตราย ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้อาเจียน หมดสติ และทำให้เสียชีวิตได้
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ข้อมูลการสูญเสียปีสุขภาวะของประชากรไทย ปี 2562 หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร พบว่า บุหรี่เป็นภัยอันดับที่ 1 ของภัยสุขภาพทั้งหมด ข้อมูลการศึกษาพบว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีสารเคมีอันตราย ส่งผลกระทบต่อสมองที่กำลังพัฒนา เสี่ยงต่อปัญหาสมาธิการเรียนรู้ และภาวะอารมณ์ นอกจากนี้ยังพบโรคปอดอักเสบ และมะเร็งปอด จากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานาน บุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้ แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงการเสพติดนิโคติน
นอกจากนี้ ที่ประชุม สสส. เห็นชอบแผนงานศูนย์วิจัยปัญหาสุรา มีจุดเน้นในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้เพื่อผลักดันนโยบาย อาทิ พัฒนาและบังคับใช้กฎหมายควบคุมการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ผลิตรายย่อย, ประเมินผลกระทบเชิงนโยบายจากการแทรกแซงของผู้ผลิตรายใหญ่, สร้างเสริมค่านิยมที่เหมาะสมในเยาวชนและสตรีเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยง, มาตรการให้งานเลี้ยงของหน่วยงานรัฐปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มการเข้าถึงบริการช่วยเลิกดื่มแอลกอฮอล์ และการสนับสนุนงานวิจัยและสร้างองค์ความรู้ ผลักดันการแก้ปัญหาสุราอย่างเป็นรูปธรรมให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
