วันนี้ (25 ก.พ. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ของหมู่บ้านมูลบน หมู่ที่ 3 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งติดตั้งอยู่ริมถนนปากทางขึ้นเขื่อนมูลบน สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน ลากรถเข็นห้อยท้าย มาจอดที่บริเวณด้านหน้าร้านขายส้มตำไก่ย่างของ นางเฉลิม ชวลิต อายุ 56 ปี เมื่อเวลาประมาณ 22.21 น. วันที่ 23 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา ก่อนจะลงจากรถเดินตรงเข้าไปยกเอาถุงถ่านไม้นำมาใส่รถเข็น จากนั้นขี่รถออกไปหน้าตาเฉย โดยตอนนั้นเป็นช่วงที่ร้านปิดและเจ้าของร้านกลับเข้าไปนอนในบ้านแล้ว และหากมองดูดี ๆ จะเห็นว่า ยังมีถุงปุ๋ยอยู่ในรถเข็นอีก 2 ถุง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นถุงที่ใส่ถ่านเช่นเดียวกัน โดยภาพเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ได้ถูกนำมาเผยแพร่กันอย่างกว้างขวางตามสื่อโซเซียลมีเดียและกลุ่มเฟซบุ๊กของ อ.ครบุรี ถึงแม้ว่าตอนนี้ผู้เสียหายจะยังไม่ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็เพื่อจะเตือนภัยและป้องปรามไม่ให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ซ้ำอีก
จากการสอบถาม นางเฉลิม บอกว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ขายของอยู่ที่ตรงนี้ ไม่เคยมีอะไรหาย และเป็นข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่พอเช้าวันนี้ขณะมาเปิดร้าน กลับพบว่าถ่านถุงที่ยังไม่เปิดได้หายไป 1 ถุง เหลือเพียงถุงถ่านที่เปิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ถุงเดียว จึงสอบถามเพื่อนบ้านข้าง ๆ จึงทราบว่าถ่านของเพื่อนบ้านที่อยู่หลังถัดไปไม่ถึง 30 เมตร ก็หายไปเช่นเดียวกัน จำนวน 2 ถุง จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาเปิดกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณนั้น ก็พบพฤติกรรมของคนร้ายดังกล่าว
นางเฉลิม บอกอีกว่า รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นของที่ซื้อมาเอาไว้ทำมาหากิน ขายส้มตำไก่ย่างก็ได้กำไรน้อยอยู่แล้ว ถ่าน 1 ถุง ก็ประมาณ 150 บาท แต่ยังอุตส่าห์ขโมยเอาไป แม้จะมีราคาไม่สูง แต่เป็นของจำเป็นต่ออาชีพค้าขาย เพราะหากไม่มีถ่านเหลือในวันนั้นก็ต้องปิดร้าน และไก่ที่เตรียมเอาไว้ย่างขายก็จะอาจจะเน่าเสีย ทำให้เสียรายได้ขาดทุนไป 1 วัน เมื่อดูพฤติกรรมของคนร้ายคิดว่าน่าจะจงใจมาตระเวนขโมยถ่าน เพื่อนำไปขายแบบไม่ต้องลงทุน เพราะเพื่อนบ้านก็ถูกขโมยไปเช่นเดียวกัน จึงอยากฝากไปถึงคนร้ายว่า ไม่ควรทำอย่างนี้ เพราะแม้จะเป็นของที่ราคาไม่มาก แต่ก็เป็นสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและอาชีพของคนอื่น ลำพังต้นทุนก็สูงอยู่แล้ว ของก็มาหายอีก คนทำมาหากินก็จะขาดทุน หรือหากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก็มาขอกันดี ๆ พร้อมจะแบ่งให้ แต่การมาลักขโมยอย่างนี้ถือว่านิสัยไม่ดี เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควร ครั้งนี้ตนจะยังไม่แจ้งความ แต่อยากแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนผ่านทางสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ระมัดระวังภัย และจะได้ป้องปรามไม่ให้คนร้ายไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก
