เจาะประเด็นข่าว 7HD - น้ำป่าไหลหลายพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง ขณะที่เกาะพะงัน พัดรถกระบะจอดไว้ริมถนนตกลงในทะเล
คลิปภาพเหตุการณ์ช่วงสายวันนี้ นาทีที่น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนพัดรถกระบะ 4 ประตู ของพนักงานโรงแรม ที่จอดอยู่ริมถนนถนนท้องนายปานน้อย ลอยไปกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว โดยที่เจ้าของรถและชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว ไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้ทัน เนื่องจากน้ำไหลแรงมาก
กระทั่งรถคันดังกล่าวไหลลงคลอง และไปติดอยู่บริเวณปากคลองที่ลงทะเล ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็กโฮมาชักลากรถกระบะคันนี้ขึ้นจากทะเลด้วยความยากลำบาก เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นชายหาด ทั้งนี้จากการสอบถาม นายอัศวิน บุษบา พนักงานโรงแรม เจ้าของรถ เผยว่า รถมีประกันประเภท 1 คุ้มครอง
ชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว ก็บอกว่า ฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งช่วงสาย น้ำป่าไหลหลากลงมาจากภูเขา ไปตามถนนหลายสาย จากนั้นก็เห็นตู้เย็น เครื่องใช้ภายในบ้านลอยมากับกระแสน้ำ ไม่นานก็เห็นรถกระบะสีขาวลอยมากับกระแสน้ำ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยว และระดับน้ำสูงขึ้น
ขณะที่อำเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝนตกหนักเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ ทำให้ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ตำบลตะกุกเหนือ ก่อนที่ดินบริเวณโรงจอดรถของชาวบ้าน จะทรุดตัวและไหลลงไปในลำคลอง ทำให้รถยนต์ที่จอดอยู่ 2 คัน ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้เจ้าของ และชาวบ้าน ช่วยกัน รื้อโครงสร้างโรงจอดรถ เพื่อที่จะนำรถยนต์ขึ้นมา เนื่องจากในพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงดินไหลเพิ่มเติม
ขณะที่ วันนี้ กองทัพภาคที่ 4 นำกำลังพล ลงพื้นที่ โรงเรียนบ้านเผียน ตำบลเทพราช อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดกิจกรรม “จิตอาสา สิชลร่วมใจ สร้างสุขสดใส รับปีใหม่ 2568” โดยนำวงดนตรีไปแสดง รวมทั้งบริการด้านสาธารณสุข บริการตัดผมฟรี ให้กับชาวบ้าน และมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านกลุ่มเปราะบางและผู้ป่วยติดเตียง เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและรอยยิ้มต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ให้ชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นน้ำ ถูกน้ำป่าไหลหลาก บ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก
ขณะที่เรื่องของการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัย ใน 16 จังหวัด ครัวเรือนละ 9,000 บาท ตามมติของ ครม.ขณะนี้ผู้ลงทะเบียนยื่นคำร้องแล้ว 1,054,484 ครัวเรือน รัฐบาล โดยธนาคารออมสินโอนเงินช่วยเหลือไปแล้ว รวม 166,795 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนเงิน 1,500 ล้านบาท โดยประชาชนยังสามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยาได้ไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2568
