รมว.ยุติธรรม ยันโกทรไม่มีอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังอื่น

View icon 196
วันที่ 21 ธ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รมว.ยุติธรรม ยัน "โกทร" ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังอื่น การขอไปรักษาตัว รพ. ภายนอกขึ้นอยู่กับ ผบ.เรือนจำ เป็นมาตรการเดียวกันทุกคน เช่นเดียวกับ “ทักษิณ” ไม่ป่วยจริงต้องกลับเข้าเรือนจำ

วันนี้ (21 ธ.ค.67) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการโอนสำนวนคดีของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ ส.จ.โต้ง ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจขอศาลจังหวัดปราจีนบุรี พนักสอบสวนกองปราบปรามจะต้องขอให้ศาลพิจารณาอนุญาตในการย้ายเรือนจำมาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แต่ในคดีนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจของกองปราบปรามซึ่งมีอำนาจการสอบสวน ทั่วประเทศจึงไม่จำเป็นต้องย้ายเรือนจำก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวน หากย้ายผู้ต้องหาจะต้องย้ายทั้งหมด 7 คน เนื่องจากเป็นสำนวนเดียวกัน  ส่วนการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหา ยืนยันว่ากำลังพลของกรมราชทัณฑ์มีเพียงพอในการดูแลอยู่แล้ว แต่อาจจะขอกำลังเสริมจากตำรวจช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเพื่อความรอบคอบในการเคลื่อนย้าย

ทั้งนี้หากได้รับการอนุมัติจากศาลคาดว่าจะย้ายตัวผู้ต้องหาไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เนื่องจากเป็นผู้ต้องในระหว่างต่อสู้คดี ส่วนกรณีจะแยกแดนคุมขังนายโกทรกับลูกน้องหรืออยู่รวมกัน ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ผบ. เรือนจำ แต่การคุมขังจะไม่ให้อยู่ร่วมแดนกับคู่อริหรือคู่ขัดแย้ง

ส่วนเงื่อนไขในการเข้าเยี่ยมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของราชทัณฑ์ที่ ปฏิบัติกับผู้ต้องขังทุกคนตามปกติ ไม่มีอภิสิทธิ์ เพราะผู้ต้องหาจะไปต่อสู้คดี จึงต้องให้โอกาสพบกับทนายความอยู่แล้ว ส่วนผู้เข้าเยี่ยม ต้องมีรายชื่อชัดเจนใน 10 รายชื่อ ที่ผู้ต้องหาแจ้งไว้ว่าอนุญาตให้เยี่ยม หากเป็นบุคคลที่นอกเหนือรายชื่อก็แล้วแต่ผู้ต้องหาพิจารณา

ส่วนโกทร ซึ่งมีอายุ  85 ปี และมีอาการป่วย จะขอย้ายไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอกเรือนจำหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาล ก่อนเสนอให้ ผบ. เรือนจำ เป็นผู้อนุมัติในการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาในโรงบาลเครือข่ายของกรมราชทัณฑ์ เหมือนกันทุกคดีเช่นเดียวกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่หากส่งไปแล้วตรวจสอบแล้วว่าไม่ป่วยจริงก็ต้องส่งตัวกลับ

“ขณะนี้เรื่องพักโทษยังไม่มี เนื่องจาก จะต้องเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้ว หรือศาลพิพากษาเด็ดขาดแล้ว จึงจะเข้าเกณฑ์พักโทษได้”

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับโอนคดี สจ.โต้ง มาจากตำรวจภูธรภาค 2 แล้ว พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามจะไปทำเรื่องขอให้ศาลจังหวัดปราจีนบุรีอนุญาตย้ายตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน จากเรือนจำจังหวัดนครนายกไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เหมือนคดีอื่น ๆ ที่กองบังคับการปราบปรามรับโอนคดีมา เนื่องจากกองบังคับการปราบปรามอยู่ในอำนาจของศาลอาญา หลังจากโอนคดีมาก็จะต้องนำผู้ต้องหาไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามขั้นตอน

ส่วนจะไปยื่นเรื่องขออนุญาตจากศาลจังหวัดปราจีนบุรีเมื่อใดนั้น ยังไม่มีกำหนดที่แน่ชัด เพราะยังต้องดำเนินการในเรื่องอื่นของคดีก่อน เมื่อพร้อมพนักงานสอบสวนก็จะไปยื่นเรื่องต่อศาลทันที