ป้าเศร้า! เหมารองเท้ามา 8 หมื่นเอาไว้ขาย แต่มีคนไปโพสต์แจกฟรี

View icon 1
วันที่ 20 ธ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ป้าเศร้า โร่แจ้งความคนโพสต์ ! เผยลงทุนเหมารองเท้า 8 หมื่นบาท เอาไว้ขาย แต่กลับมีคนไปโพสต์ว่าแจกฟรี จนมีชาวบ้านมาเอาไป จ.อุดรธานี

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพชาวบ้านแห่เลือกรองเท้าผ้าใบมือ 2 นับหมื่นคู่ ถูกนำมากองทิ้งไว้สวนสาธารณะทุ่งหนองนามน บ.หัวขัว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. 67 พร้อมกับระบุข้อความว่า “ไผบ่มีเกิบมาเอาเด้อครับ555 สงสัยเจ้าของใส่แล้วเลยเบื่อ” พิกัดทุ่งนามนบ้านหัวขัว ชาวบ้านต่างพากันขอบคุณเจ้าของรองเท้าที่นำมาทิ้ง จึงพากันเก็บใส่ถุงปุ๋ยขึ้นรถกลับบ้านไปให้ญาติพี่น้องได้สวมใส่ไปทำนา ตัดอ้อย และสวมใส่ในชีชิตประจำวัน และขอให้แจ้งผู้นำชุมชนก่อนจะนำมาทิ้ง จะได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้ และชาวบ้านจะได้เตรียมตัวกันล่วงหน้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.20 น. วันนี้ (20 ธ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวเดินทาไปยังทุ่งหนองนามน ถ.อุดรธานี-กุดจับ บ.หัวขัว ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี พบกับนางละออง อายุ 58 ปี ชาว ต.แสวงหา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เจ้าของรองเท้าผ้าใบมือ 2 ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุ หลังทราบข่าวจากสื่อ และยืนยันว่าไม่ได้นำรองเท้ามาทิ้ง แต่เป็นการขนมากองไว้ เพื่อรอขนไปขายที่ อ.วังสะพุง จ.เลย ในวันนี้ และจะไปแจ้งเอาผิดกับคนที่โพสต์เรียกชาวบ้านให้มาเก็บเอาไปใช้ และไม่ได้ติดใจชาวบ้านที่เก็บเอาไป

โดยในวันนี้ยังพอมีชาวบ้านมาเลือกรองเท้าผ้าใบมือ 2 อยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกุดจับ ได้เข้ามาเก็บรองเท้าที่หลือประมาณ 200-300 คู่ มากองรวมกัน ซึ่งนางละออง เจ้าของรองเท้าได้มอบให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนำไปทิ้งบ่อขยะ เพราะเป็นรองเท้าไม่มีคู่ และชำรุด ก่อนจะเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.กุดจับ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้โพสต์ภาพและข้อความ

นางละออง เจ้าของรองเท้ามือสอง เล่าว่า วันนั้นตนได้นำรองเท้าขนใส่รถบรรทุก 6 ล้อช่วงยาวมาวางไว้ตรงนี้ ในช่วงค่ำวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพราะไม่มีที่วางสินค้า และรีบกลับไปขายของอยู่ที่หน้าโรงหนังวิสต้า ที่อยู่ติดกับสนามทุ่งศรีเมือง ตรงที่ตนมาเช่าพื้นที่ขายรองเท้าผ้าใบ เสื้อผ้า และเสื้อกันหนาวมือ 2 ที่ตนนำมาขายรวม 9 ปีแล้ว และจะกลับมาขนเอาไปขายที่ อ.วังสะพุง จ.เลย ในวันนี้ (20 ธ.ค. 67) ต่อจากงานประจำปีทุ่งศรีเมืองอุดรธานี ซึ่งในวันที่ขนรองเท้ามาวางที่นี่ เนื่องจากมืดค่ำแล้ว

ถ้าไม่มีคนโพสต์ในโซเชียลว่า แจกรองเท้าฟรี สินค้าของตนก็คงไม่หายไปเยอะขนาดนี้ โดยมีทั้งหมด 350 กระสอบปุ๋ย กระสอบละ 35 คู่ รวมมูลค่าพร้อมค่าขนส่ง 80,000 บาท สินค้าดังกล่าวตนไปรับซื้อมาจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ตนก็ไม่เคยเอาสินค้ามาวางไว้แบบนี้ในพื้นที่ จ.อุดรธานี แบบนี้ เพราะเชื่อว่าคนอีสานไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย เพราะเคยวางไว้ที่อื่นในภาคอีสานก็ไม่หาย และนำผ้ามาคลุมของไว้เป็นอย่างดี แต่ไม่ได้เขียนป้ายติดไว้ว่ามีเจ้าของ เพราะไว้ใจคนทางอีสานที่ไม่มีนิสัยขี้ขโมย

"คนอีสานไม่เอาของใครที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ที่ของหายเพราะมีการโพสต์ภาพลงไปในโลกโซเชียล เลยทำให้คนรู้ และมาขนเอาไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรวจสอบดูแล้วตอนนี้ น่าจะเหลืออยู่ประมาณ 200-300 คู่ ตนติดใจกับคนที่มาถ่ายรูปแล้วโพสต์ว่าแจกฟรี เหตุผลที่ตนไม่เอาไปวางไว้หรือฝากไว้ตามสถานที่เอกชน และราชการ เพราะว่ามันเยอะ และจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ตนก็ไม่ได้เอามาทิ้ง เพราะถ้าทิ้งก็คงเอาไปทิ้งที่บ่อขยะ ทั้งนี้ตนก็จะไปแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐาน ตนขายของมา 35 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกตกใจมาก ซึ่งรองเท้าทั้งหมด 1 หมื่นกว่าคู่ ตนก็ไปกู้เงินมาซื้อมาขาย ถ้าแจกฟรีตนก็จะไม่แจกที่นี่ แต่จะไปแจกที่หน้าโรงหนังวิสต้า ตรงที่ตนขาย ซึ่งส่วนที่เหลือ รองเท้าก็ไม่มีคู่ ก็คงจะต้องให้เทศบาลลตำบลกุดจับนำเอาไปทิ้ง"

จากนั้น เวลา 11.30 น. นางละออง ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.อัมรินทร์ อยู่เย็น ผกก.สภ.กุดจับ และร.ต.อ.สมชาย ทาพิลา รอง สว.สอบสวน สภ.กุดจับ ให้ดำเนินคดีต่อคนโพสต์ ที่เป็นต้นเหตุทำให้สินค้าของตนถูกชาวบ้านมาเอาไปจนเกือบหมด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะได้เชิญตัวผู้โพสต์มาสอบสวน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.อัมรินทร์ เปิดเผยว่า วันนี้ผู้เสียหายมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว อยากจะดำเนินคดีกับคนที่โพสต์ เพราะเชื่อว่าการโพสต์แบบนี้ ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และแห่กันมาเอาสินค้าของผู้เสียหายไป แต่ถ้าไม่โพสต์รองเท้าก็คงจะหายไปนิดเดียว ซึ่งทำให้เจ้าของสินค้านั้นเสียหาย หลังจากนี้จะได้ติดตามหาผู้โพสต์มาสอบปากคำอย่างละเอียดว่า การโพสต์ภาพและข้อความลงไปเพราะอะไร และจะมีความผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ ส่วนคนที่มาเอารองเท้าไปทางผู้เสียหายก็ไม่ได้ติดใจ เพราะนึกว่ามีคนนำรองเท้ามือ 2 มาทิ้งจริง ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง