มท. สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีค่าตอบแทน ค่าเสบียงสนาม สมาชิก อส. จังหวัดชายแดนภาคใต้

View icon 986
วันที่ 20 ธ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
โฆษก มท. เผยกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีค่าตอบแทน ค่าเสบียงสนาม สมาชิก อส. จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้มยึดระเบียบเคร่งครัด ชี้แจงสมาชิก อส. ให้เข้าใจหลักเกณฑ์การเบิกจ่าย

วันนี้ (20 ธ.ค.67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  จากที่สื่อออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อมูลว่าได้เกิดกรณีการหักค่าตอบแทน และค่าเสบียงสนามของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ทำให้สมาชิก อส. ได้รับค่าตอบแทนไม่เต็มจำนวนนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และสั่งการให้ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

โดยจากการดำเนินการการตรวจสอบ กองร้อย อส. ในพื้นที่ยะลา ประกอบด้วย  กองร้อย อส. กรงปินัง, บันนังสตา, เมืองยะลา, ยะหา, เบตง, กาบัง ได้รายงานต่อผู้บังคับการ อส. จังหวัดยะลา เพื่อรายงานต่อกองบัญชาการ อส. ได้ทราบว่ากรณีดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจที่ยังไม่ครบถ้วนของสมาชิก อส. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าเบี้ยเลี้ยงสนาม และค่าเสบียงสนาม 

ส่วนแรกเงินค่าตอบแทน ซึ่งจะรวมถึงเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลือสมาชิก อส. ด้วย  จะมีการจ่ายตามลำดับขั้นตั้งแต่ลำดับขั้นที่ 1 จำนวน 10,000 บาท/เดือน ถึงลำดับขั้น 33 จำนวน 16,790 บาท/เดือน  ส่วนนี้จะมีการโอนเข้าบัญชีสมาชิก อส. ทุกนายโดยตรงทุกเดือน ไม่มีการหักใดๆ 

ส่วนที่ 2  ค่าเบี้ยเลี้ยงสนาม ซึ่งเป็นส่วนที่ปรากฎในสื่อออนไลน์ว่ามีสมาชิก อส. ถูกหักเงินนั้น  หากเป็นกรณีที่สมาชิก อส. เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ตามปกติ กองร้อย อส. ต้นสังกัดจะดำเนินการเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงให้ตามหลักเกณฑ์ปกติ ตามคำสั่งกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงสนามฯ ลงวันที่ 2 พ.ค. 2560 ข้อ 3  ที่กำหนดว่า "การเบิกจ่ายเงิน ให้เบิกจ่ายเงินตามวันที่ออกไปฏิบัติหน้าที่ในสนามหรือนอกที่ตั้ง ตามคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการสนามหรือตามแผนสั่งใช้ถือเป็นหลักฐานสำคัญในการเบิกจ่าย โดยให้คำนึงถึงงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และลำดับความสำคัญของภารกิจของกองบัญชาการกองอาอาสารักษาดินแดน"  ซึ่งอัตราที่สมาชิก อส. จะได้รับในส่วนนี้ อยู่ที่ 200 บาท/คน/วัน จำนวน 25 วันใน 1 เดือน รวมแล้ว 5,000 บาท/ เดือน โดยกองร้อย อส. ต้นสังกัดจะดำเนินการเบิกเงินให้เดือนละ 1 ครั้ง และโอนเงินเข้าบัญชีสมาชิก อส. ทุกนายโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนค่าเบี้ยเลี้ยงสนามนี้ หากในเดือนใดมีกรณีที่สมาชิก อส. ต้องเข้ารับการฝึกอบรมและมีวันซ้ำซ้อนกับวันที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในสนามหรือนอกที่ตั้ง กองร้อย อส. ต้นสังกัดจะไม่ดำเนินการเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงสนามให้กับสมาชิก อส. ในวันที่เข้ารับการฝึกอบรมดังกล่าว เนื่องจากในการฝึกอบรมจะมีการจัดเลี้ยงอาหารแก่สมาชิก อส. ทั้ง 3 มื้อ ดังนั้น จึงเป็นกรณีต้นสังกัดดำเนินการตามระเบียบ ไม่ได้เบิกเบี้ยเลี้ยงในวันที่มีการฝึกอบรม ไม่ใช่กรณีหักเงินเบี้ยเลี้ยงสนามแต่อย่างใด

ส่วนที่ 3  ค่าเสบียงสนามของสมาชิก อส. ในอัตราคนละ 15 บาท/คน/วัน จำนวน 25 วัน เป็นเงิน 375 บาท/เดือน ในส่วนนี้ กองร้อย อส. ต้นสังกัดจะไม่มีการจ่ายเป็นเงินให้แก่สมาชิก อส. แต่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบริโภคแล้วแจกจ่ายให้กับสมาชิก อส. เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส ตามจำนวนสมาชิก อส. ที่มีอยู่จริง  ซึ่งเป็นไปตามหนังสือกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ที่ มท หนังสือกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ที่ มท 0416/ว 121 ลงวันที่ 12 มิ.ย. 2528  ข้อ 3 ที่กำหนดว่า "งบประมาณค่าจัดหาเสบียงสนามเป็นงบประมาณของหน่วยที่ปฏิบัติงานในสนาม มิใช่สิทธิกำลังพล ดังนั้น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม ห้ามเบิกจ่ายค่าเสบียงสนามเป็นเงินสดให้แก่กำลังพลของกองอาสารักษาดินแดน" ดังนี้ ในส่วนค่าเสบียงสนามจะไม่มีการหักเงินใดๆ ของสมาชิก อส. เนื่้องจากตามระเบียบไม่ให้มีการจ่ายเงินเงินสด แต่ให้แจกจ่ายเป็นเครื่องบริโภคเท่านั้น

"แม้จากการชี้แจงของกองร้อย อส. ในพื้นที่ได้แสดงให้เห็นว่าแต่ละแห่งได้มีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์  ระเบียบที่กำหนด  แต่ในการนี้กระทรวงมหาดไทย โดยกองบัญชาการกอง อส.  ได้กำชับให้กองบังคับการกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัด/อำเภอ ทั่วประเทศ  ให้ความสำคัญและเข้มงวดในการปฏิบัติตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ส่วนในพื้นที่ที่สมาชิก อส. ยังมีความเข้าใจไม่ครบถ้วนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ค่าตอบแทน ค่าเบี้ยเลี้ยงก็ขอให้ดำเนินการชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ และให้สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง เป็นหน่วยงานกลางในการสนับสนุนข้อมูล บริหารจัดการกำลังพลให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและนโยบายของผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดนต่อไป" น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง