ลุยค้น 3 จุด เร่งหาหลักฐานคดียิง สจ.โต้ง "ผบ.ตร." เซ็นโอนคดีให้กองปราบฯ แล้ว

View icon 53
วันที่ 20 ธ.ค. 2567
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ติดตามความคืบหน้าคดี "สจ.โต้ง" เมื่อวาน ตำรวจนำหมายศาลฯ เข้าตรวจค้น 3 จุด ใน 2 จังหวัด เพื่อหาหลักฐานเอาผิดคดีฆ่า "สจ.โต้ง" ขณะที่ ผบ.ตร. เซ็นโอนสำนวนคดีให้กองปราบฯ แล้ว

โดยจุดที่ 1 เป็นอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลบ้านพระ อำเภอเมืองปราจีนบุรี ซึ่งแนวทางการสืบสวนของตำรวจทราบมาว่าเป็นของ นายกฤษฎ์ หรือ "รองอุ๊" รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ขออนุญาตถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดไปตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีฆ่า "สจ.โต้ง" หรือไม่

ส่วนจุดที่ 2 ตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจบ้านหลังหนึ่งในตำบลเกาะลอย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเปิดเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง พบข้อมูลเคยร่วมทำธุรกิจก่อสร้างด้วยกันกับ "รองอุ๊" ซึ่งเจ้าของบ้านตามหมายค้น คือ นายอภิชาติ พบว่าไม่อยู่บ้าน เพราะไปจังหวัดระยอง กับภรรยาตั้งแต่เมื่อวาน มีแค่ลูกชาย และพี่สาวของนายอภิชาติ

ส่วนอู่ซ่อมรถแห่งนี้ในพื้นที่พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นจุดตรวจค้นที่ 3 ที่ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้น เพราะพบความเชื่อมโยงกับ "รองอุ๊" เหมือนกัน แต่จากการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

สอบถามเรื่องเหตุผลว่าทำไมต้องเข้าค้นบ้าน หรือกิจการที่เกี่ยวข้องกับ "รองอุ๊" ด้วย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก็บอกว่า เป็นมาตรฐานการทำงานปกติ ที่ต้องตรวจสอบบุคคลใกล้ชิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ยืนยันว่า "รองอุ๊" ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และที่ผ่านมาก็ได้สอบปากคำ "รองอุ๊" ไว้เป็นพยานแล้ว

ส่วนที่ ผบ.ตร. เซ็นมอบโอนสำนวนคดีฆ่า "สจ.โต้ง" ให้กองปราบฯ พนักงานสอบสวนได้ตรวจนับสำนวนแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า ยืนยันพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ และพยานแวดล้อม ไว้ครบถ้วนแล้ว

ขณะที่ ผบ.ตร. เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบหลักฐานในเบื้องต้น พบว่า ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งเรื่องคราบเขม่าดินปืน และวัตถุพยานหลักฐานต่าง ๆ จะถูกส่งมอบให้กองปราบฯ รับไปดำเนินการ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะเรียกประชุม เพื่อเน้นย้ำข้อสั่งการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจกองปราบที่เพิ่งรับโอนสำนวนคดีกำลังตรวจสอบข้อมูลเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง "สจ.โต้ง" กับ "โกทร" เพราะมีข้อมูลจากพยานบางคนอ้างว่า "สจ.โต้ง" เป็นลูกแท้ ๆ ของ "โกทร" ที่เกิดจากภรรยาเก่า และแม้แต่ "สจ.โต้ง" เองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน โดยตำรวจต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด เพราะเป็นรายละเอียดสำคัญที่อาจส่งผลต่อรูปคดี อีกทั้งอาจเป็นข้อมูลที่ฝั่งผู้ต้องหานำมาใช้หักล้างมูลเหตุจูงใจเพื่อใช้ต่อสู้คดีได้เช่นกัน

ส่วนเรื่องจดหมายน้อยขอความเป็นธรรม ที่เรานำเสนอข่าวไปเมื่อวานในรายการสนามข่าว ก็นำมาซึ่งการจับตามองว่า นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ที่แสดงตัวเป็นคนใกล้ชิดกับ นายสุนทร หรือ "โกทร" จะพาสื่อเข้าไปสัมภาษณ์ "โกทร" หรือจะให้ "โกทร" แถลงข่าว

แต่จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเขายังเป็นผู้ต้องหาอยู่ ตอนก่อนเข้าไปในเรือนจำ ก็ได้เตี๊ยมกับผู้สื่อข่าวเผื่อ ๆ ไว้หลายอย่าง เชื่อมั่นว่าน่าจะพอคุยกับผู้บัญชาการเรือนจำได้

แต่หลังเข้าไป 1 ชั่วโมง ก็ต้องคอตกกลับมา เพราะนอกจากจะไม่ได้เปิดใจ "โกทร" แล้ว ยังไม่ได้เข้าเยี่ยมด้วย เพราะผิดระเบียบของทางราชทัณฑ์

ซึ่งจริง ๆ เรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็พูดชัดว่า เหตุที่ไม่สามารถให้ "โกทร" แถลงข่าว หรือให้สัมภาษณ์จากในเรือนจำได้ เพราะขัดกับระเบียบของทางราชทัณฑ์ แต่ถ้าได้การประกันตัวแล้ว ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา

ด้าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พรรคกล้าธรรม ปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง "สจ.โต้ง" มีใบสั่งตาย มีค่าหัว 30 ล้านบาท การที่พูดมากไปอาจจะทำให้เสียรูปคดี ส่วนเรื่องการลงสมัครเลือกตั้งของ "สจ.จอย" ตนเอง, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายชาดา พร้อมด้วยสมาชิกพรรคกล้าธรรม รับปากกันแล้วว่าจะช่วย