แม่ยังติดใจการเสียชีวิตของน้องผิง แต่ไม่ขอไม่ต่อ เตรียมจัดงานฌาปนกิจลูกสาวพรุ่งนี้ เผย เสียใจที่น้องผิงมาขอให้แม่นวดแก้ปวดไหล่ แต่ไม่ได้ทำให้
(10 ธ.ค.67) จากกรณี น้องผิง น.ส.ชญาดา นักร้องสาวรถแห่ ชาวบ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี เสียชีวิต โดยคนใกล้ชิด คาดว่าเป็นเพราะการนวดบิดคอ แต่ต่อมาทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยผลตรวจ MRI ของ "น้องผิง" ไม่ได้เสียชีวิตจากการนวดบิดคอ แต่ป่วยโรคไขสันหลังอักเสบและช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด จนเสียชีวิต
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สธ.ชี้ชัด "น้องผิง" ไม่ได้เสียชีวิตเพราะนวดบิดคอ พบโรคไขสันหลังอักเสบ
ล่าสุดทางด้านของ นางฉันธกาฬ แม่ของน้องผิง ได้พูดคุยกับญาติพี่น้อง รวมทั้งพ่อของน้องผิงที่อยู่ต่างประเทศ มีผลสรุปออกมาว่า จะนำร่างน้องผิง ไปไปฌาปนกิจตามประเพณี เพราะหากจะเอาน้องไปต่อ คงจะสู้ไม่ไหว มันจะต้องใช้ปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ถ้าจะเอาน้องไปผ่าชันสูตร จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ทุกอย่าง จึงตกลงกันว่า จะไม่เอาน้องไปต่อ ก็คือเราจะไม่ หลังจากประกอบพิธีฌาปนกิจแล้ว จะต่ออย่างไร ตอนนี้ยังคิดไม่ออก อาจจะปล่อยไปอย่างนี้เพราะทำอะไรอีกไม่ได้แล้ว
แม่ของน้องผิง ยอมรับยังทำใจไม่ได้ หากถามว่าติดใจกับการเสียชีวิตของน้องผิงไหม ตอบได้เลยว่ายังติดใจอยู่
เมื่อเช้าก็ได้แชร์โพสต์หนึ่งที่มีเพื่อน ๆ ส่งมาให้ เป็นโพสต์ของอาจารย์หมอที่อเมริกา ได้พูดถึงน้องผิง คิดว่าเขาพูดได้ถูกทุกอย่างถูกทุกขั้นตอนที่น้องเป็น ที่มาพูดไม่ต้องการสร้างกระแส แต่พูดเรื่องของความจริง ที่อาจารย์หมอพูดเป็นอาการของน้องก่อนเสียชีวิต อยู่ดี ๆ กระดูกคอเราจะเคลื่อนได้ มันต้องกระทบอย่างแรง จึงจะอักเสบได้ แต่น้องไม่ได้มีเหตุการณ์แบบนั้น ทำให้ยังคงติดใจในเรื่องนี้ โดยเชื่อว่าการติดเชื้อในกระแสเลือด ป่วยไขสันหลังอักเสบ หรือเรื่องเชื้อรา มันจะต้องมีสาเหตุที่มาที่ไป เหตุกระดูกคอเคลื่อนจึงนำไปสู่โรค เพราะน้องเป็นคนแข็งแรง
ในประเด็นการให้สัมภาษณ์ของ รมว.สาธารณสุข ที่ระบุไม่มีรอยแตกร้าวของกระดูกคอ หรือไม่มีรอยเคลื่อนของกระดูกคอ แม่ของน้องผิงชี้แจงว่า น้องผิงไปโรงพยาบาลครั้งแรกที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เพราะตอนนั้นน้องบอกอาการ แล้วมันมีอาการคล้ายกระดูกคอเคลื่อน แม่เองมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะเป็นหมอนวดแผนไทยมีประสบการณ์ 10 กว่าปีแล้ว แม่ถามลูกว่าที่ไปหาหมอนวด ได้หักคอหักกระดูกด้วยไหม น้องผิงก็บอกว่าใช่ เรารู้ว่ากระดูกคอของลูกเราต้องเคลื่อน เลยบอกให้ลูกไปที่ รพ.ศูนย์อุดรธานีก่อน โดยบอกว่าไปบอกอาการให้ชัด ว่าก่อนหน้าจะมีอาการไปนวดมา แล้วการนวดก็เป็นลักษณะบิดคอ ลูกเล่าให้ฟังว่า คุณหมอบอกอาจไทรอยด์เป็นพิษ เมื่อตรวจหาก็ไม่พบ หมอจึงสั่งยาแก้ปวด และคลายกล้ามเนื้อให้ โดยไม่ได้สั่งให้เอ็กซเรย์
โดยข้อมูลกระดูกสันหลังเคลื่อน เริ่มจากมีอาการปวดมากจึงไป รพ.พิบูล์รักษ์ หมอให้เอ็กซเรย์พบกระดูกมีปัญหา จึงส่งตัวน้องมาที่ รพ.หนองหาน ก่อนที่จะส่งตัวไป รพ.ศูนย์อุดรธานี ถ้ากระดูกไม่เคลื่อนจริง ทำไมคุณหมอ จึงบอกว่า กระดูกมันเคลื่อน ที่ ซี 1 -5 เคลื่อนเกือบทุกข้อเลย แม่ไม่ใช่เป็นคนพูด หมอเป็นคนพูด และคุณหมอก็เป็นคนเขียนใบส่งตัว
แม่น้องผิงบอกอีกว่า ตนเองมีประสบการเป็นหมอนวดแผนไทยมากกว่า 10 ปี ตลอดชีวิตไม่เคยนวดลูกค้าด้วยการบิดคอ หรือดัดเอว หรือบางอย่าง เพราะรู้ว่ามันอันตราย มีลูกค้าบางคนขอให้ทำก็ไม่ทำให้
สำหรับการนวดที่คอ หรือบิดคออันตรายมาก จะไม่นวดในทุกกรณี จึงขอฝากไปยังหน่วยงานภาครัฐ ขณะนี้ยังมีหรือยังเข้าใจผิดเรื่อง “นวดบิดคอ” อยากจะให้ทำได้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การนวดเพื่อสุขภาพต้องไม่มี ส่วนตัวยังเสียใจที่น้องผิงมาขอให้แม่นวดแก้ปวดไหล่ แต่แม่เพิ่งผ่าตัดซีดที่ซีโครงขวามา 2 วัน ทำให้ลูกไม่ได้ จึงไปให้คนอื่นนวดแทน และต้องเสียลูกไป
ด้านแฟนของน้องผิง ให้สัมภาษณ์ว่า คุณแม่และญาติๆตัดสินใจแล้ว จะไม่ส่งศพน้องผิงไปผ่าพิสูจน์ ส่วนตัวคิดว่าน้องไม่ได้เสียชีวิตจากการนวด แต่การนวดด้วยการการบิดคอ มันคือต้นเหตุทำให้น้องต้องเข้าโรงพยาบาล และต้องแอดมิต เมื่อเข้าโรงพยาบาลต้องใส่ท่อช่วยหายใจในหลอดลมนานๆ อาจเกิดการติดเชื้อได้ ตนคบเป็นแฟนกับน้องผิงมา 3 ปีเศษ ไม่เคยป่วย ไม่เคยไปหาหมอ ไม่มีโรคประจำตัว และยังแข็งแรง การทำงานร้องเพลงวันเว้นวัน ส่วนการดื่มแอลกอฮอลเฉพาะลูกค้าเอามาให้หน้าเวทีเท่านั้น การพักผ่อนก็เพียงพอ 8 ชั่วโมง บางทีไม่มีงาน 10-12 ชม.ก็มี และช่วงที่น้องผิงเสียชีวิต ตนเองนอนไม่หลับ จึงไม่ได้ฝันเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ แต่ช่วงที่น้องผิงนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่มีสติ จะฝันถึงน้องผิงทุกวัน ในความฝันเป็นในการดำเนินชีวิตปกติที่บ้าน