สืบนครบาลบุกจับ เดียร์ สาวทอม ที่มีพฤติกรรมหลอกเช่าโทรศัพท์มือถือ กล้อง แล้วไม่นำไปคืน จนถูกแจ้งจับ 13 คดี

View icon 104
วันที่ 5 ธ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สืบนครบาลบุกจับ เดียร์ สาวทอม ที่มีพฤติกรรมหลอกเช่าโทรศัพท์มือถือ กล้อง แล้วไม่นำไปคืน จนถูกแจ้งจับ 13 คดี หลังถูกจับปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้าง ที่ถูกศาลออกหมายจับนั้น เพราะป่วยจึงไม่ได้ไปตามหมายเรียก คดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด เคลียร์หมดแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้โกงใคร อีกทั้งยังแจ้งความกลับผู้เสียหายด้วย

5 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว น.ส.เดียร์ อายุ 26 ปี ภูมิลำเนา ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ข้อหา “ฉ้อโกง” ตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์ไอโฟน 1 เครื่อง , แฟลชไดฟ์ ที่เช่าไปจากร้านพร้อมโทรศัพท์ จำนวน 3 ชิ้น (ผู้เสียหายมาชี้ยืนยันแล้ว คดีที่ สน.พญาไท และ สน.พหลโยธิน) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้ทราบว่า “ยักยอกทรัพย์หรือรับของโจร” จากการตรวจสอบ พบข้อมูลการก่อเหตุ ณ เวลานี้ จำนวน 13 คดี ซึ่งเกี่ยวกับการเช่าโทรศัพท์มือถือ กล้อง แล้วไม่นำไปคืน

พฤติการณ์สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือ สืบนครบาลว่า ถูกมิจฉาชีพเป็น น.ส.เดียร์  “สาวทอม” หลอกลวงเช่าโทรศัพท์ ก่อนเชิดหลบหนีหายไป ชุดสืบสวนจึงตรวจสอบและพบว่า ในห้วงเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา สาวทอมรายนี้ตระเวนก่อเหตุ ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง คล้ายๆกันยาวเหยียดเป็นหางว่าวหลายสิบคดี โดยแผนประทุษกรรม ที่สาวทอมรายนี้ตระเวนก่อเหตุคือ 1.หลอกลวงขอเช่าโทรศัพท์ หรือกล้อง โดยอ้างว่าจะนำไปดูคอนเสิร์ตเกาหลี โดยเมื่อได้ของแล้วก็นำไปขายแล้วหายเข้ากลีบเมฆ , 2.หลอกลวงการเช่าโรงแรม หรือหลอกขายบัตรดูคอนเสิร์ตเกาหลี แล้วชิ่งหนีหาย , 3.ลักทรัพย์ ขโมยโทรศัพท์ด้วยการล้วงกระเป๋าเหยื่อ โดยอาศัยความชุลมุนในพื้นที่การจัดคอนเสิร์ตเกาหลี , 4.ฉ้อโกงทางโลกออนไลน์ เปิดเพจเฟซบุ๊กต่างๆนาๆ ขายของทางออนไลน์ ได้เงินแล้วหนีหายไม่มีการส่งของ และ 5.ตระเวนขอยืมเงินกับเพื่อนในโลกออนไลน์แล้วไม่คืน โดยลงมือก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง

คดีในแต่ละพื้นที่ ตำรวจออกหมายเรียก น.ส.เดียร์ ผู้ก่อเหตุไปแล้วจำนวนมาก บางออกหมายเรียกไปครบ 2 ครั้งแล้ว แต่น.ส.เดียร์ ยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อขอออกหมายจับ แต่น.ส.เดียร์ ผู้ก่อเหตุ กลับตระเวน “แจ้งความกลับ” ผู้เสียหายเกือบทุกราย โดยอ้างว่าตนเองถูกข่มขู่ ถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ

หลังจากนั้นชุดสืบสวนนครบาล ตรวจสอบพบว่า น.ส.เดียร์ ผู้ก่อเหตุ ตระเวนเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ส่วนเงินที่โกงชาวบ้านมานั้น ได้นำไปใช้ชีวิตแบบกินหรูซื้อของแพง ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย นำข้อมูลส่งต่อกับชุดสืบสวน ว่าพบเห็นคนร้าย หลบหนีไปอยู่ห้องเช่ากับเพื่อนสาวคนหนึ่ง ในพื้นที่ย่านบางนา ตำรวจจึงได้นำกำลังบุกไปที่ห้องพักในคอนโดชื่อดัง ถ.รามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศจ.กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าพบเพียงเพื่อนสาว แต่ไม่พบตัวน.ส.เดียร์ ผู้ก่อเหตุ

จากการสอบถามเพื่อนสาว เผยว่า ไม่ทราบว่าน.ส.เดียร์ ออกไปไหน เหมือนจะคว้าน้ำเหลว แต่ชุดสืบสวนสังเกตุเห็นสิ่งของสำคัญของ น.ส.เดียร์ ยังคงอยู่ภายในห้อง สัญชาตญาณบอกทันทีว่าคนร้ายต้องกลับมาแน่นอน จึงได้วางแผนดักคอยภายในห้องพัก จนกระทั่งผ่านไป 2 ชม. น.ส.เดียร์ ได้เคาะประตูห้องพัก เมื่อเปิดเข้ามาก็ถูกชุดสืบสวน เข้าจับกุม หลังการจับกุม ชุดสืบสวนตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ น.ส.เดียร์ ผู้ก่อเหตุ พบข้อความแช็ตที่ผู้ต้องหาทักหาหมอดู โดยหมอดู ได้บอกกับ น.ส.เดียร์ ผู้ก่อเหตุว่า ให้หลบออกจากห้องพักไปก่อน ซึ่งได้บอกในห้วงเวลาตรงกับเวลาที่ชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบอย่างพอดิบพอดี แต่สุดท้ายก็ไม่รอด

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนชื่อดังใน จ.ร้อยเอ็ด แล้วไม่ได้เรียนต่อ เรื่องคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนเองเคลียร์หมดแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้โกงใคร แล้วตนเองก็ได้มีการแจ้งความกลับเหล่าผู้เสียหายหลายๆรายด้วย ก่อนถูกจับกุมตนเองก็พึ่งโทรศัพท์คุยกับตำรวจรายหนึ่งมา โดยที่ตนเองถูกศาลออกหมายจับนั้นเพราะตนเองป่วยจึงไม่ได้ไปตามหมายเรียก

หลังจับกุมขยายผลได้นำของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี ส่วนตัวผู้ต้องหาได้นำส่งศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะมีการขออนุมัติออกหมายจับคนร้ายรายนี้อีกหลายคดี ซึ่งจะมีการนำหมายจับไปประสานอายัดตัวต่อไป