ห้องข่าวภาคเที่ยง - ไม่เกินมือตำรวจจริง ๆ สรุปคนร้ายที่ฆ่าทุบหัวชายเร่ร่อน แล้วเอาใบตองปิดบังอำพราง ก็ถูกจับกุมตัวได้แล้ว แถมประวัติก็ไม่ธรรมดา เคยทั้งต้องโทษฆ่าบุพการี ชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย
หลังจากที่เมื่อวานนี้ เรานำเสนอภาพเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าทุบหัวชายเร่ร่อน แล้วเอาใบตองปิดบังอำพรางไว้ ใกล้ ๆ กับคลังน้ำมันบาฟ แล้วตำรวจเจอว่าชายคนนี้น่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน เลยไปไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ประกอบกับข้อสันนิษฐานที่ว่าน่าจะเป็นคนเร่ร่อน มากกว่าเป็นคนปกติทั่วไป
จนเจอเบาะแสเข้าจริง ๆ เพราะภาพวงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัยคนนี้ได้ว่าเดินโซเซคล้ายคนเมาสุรา เมื่อช่วงใกล้ ๆ จะ 19.00 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าตัวจะปีนข้ามแบร์ริเออร์เข้าไปจุดเกิดเหตุ
แล้วปีนกลับออกมาอีกที ช่วงประมาณ 20.10 น. มีจุดสังเกตน่าสนใจอยู่อย่าง คือตอนที่เดินผ่านป้อมจราจรของตำรวจ ขาไปยังสวมหมวกอยู่ แต่ขากลับหมวกหายไป แถมยังมีท่าทีที่นิ่งเฉย เหมือนสร่างเมาแล้ว ไม่เหมือนกับตอนขาไป
ใช้เวลาอยู่ 4 วัน นับตั้งแต่ตอนที่เจอศพ ล่าสุด ไปจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว ตอนแรกบอกว่าชื่อ "พิพัณ์ นามสกุลแซ่" แต่ตำรวจตรวจสอบแล้วไม่ใช่ เพราะจริง ๆ แล้วชื่อ นายฉลองรัฐ หรือ "ปั๊ม" หรือ "ต๊ะ" อายุ 36 ปี โดยไปจับกุมได้บริเวณริมถนนพหลโยธิน ใต้สะพานกลับรถใกล้วินรถตู้ต่างจังหวัดรังสิต จังหวัดปทุมธานี พร้อมชุดที่ใส่ในวันก่อเหตุ
หลังเค้นสอบปากคำทั้งคืน ในที่สุดก็ยอมรับว่า วันนั้นกินเหล้าจนเมา แล้วเดินไปตามถนน เห็นผู้ตายนอนหลับอยู่ จึงไปหยิบก้อนหินทุ่มไปที่หัว 1 ครั้ง แล้วไปสูบบุหรี่ ก่อนจะกลับมาทุ่มอีกครั้ง แล้วพยายามจะกระทำชำเรา แต่ไม่สำเร็จ เลยลากผู้ตายจะไปทำเหมือนเดิม ก็ไม่สำเร็จอีก ด้วยความกลัวว่าจะฟื้นขึ้นมาแล้วจำตัวเองได้ เลยใช้หินทุบไปอีกหลายครั้ง ก่อนจะเดินไปเอาใบกล้วยหรือใบตองมาปิดอำพราง ให้เข้าใจว่าเป็นการข่มขืนแล้วฆ่า แล้วหลบหนีไป ยอมรับว่าไม่รู้จักกับคนตาย หรือมีความโกรธแค้นใด ๆ กันมาก่อน ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกัน ตำรวจเลยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ
ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ปี 2549 ต้องโทษจำคุกคดีฆ่าบุพการี พ้นโทษปี 2559 จากนั้น 1 ปีต่อมา โดนจับติดคุกอีก คดีชิงทรัพย์ในเคหสถาน แล้วไปทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย อันนี้พ้นโทษปี 2564 แล้วอีก 1 ปีต่อมา ก็มาถูกจำคุกคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้บาดเจ็บสาหัสอีกคดี พ้นโทษเมื่อปลายปีที่แล้ว นับดูคร่าว ๆ รับโทษจำคุกทุกคดีอย่างน้อย 15 ปี เกือบครึ่งชีวิต ที่ใช้ชีวิตในเรือนจำมากกว่าภายนอก ไม่รู้ว่าคดีนี้ต้องได้รับโทษอีกขนาดไหน
