แม่สามารถ วอน ผู้มีอำนาจ อย่าเอาความลูกชายตน ลั่นหลังจากนี้จะสู้เพื่อความยุติธรรม

View icon 147
วันที่ 26 พ.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แม่สามารถ วอน ผู้มีอำนาจ อย่าเอาความลูกชายตน ให้กลับมาเล่นการเมืองเพื่อช่วยประเทศชาติ  ลั่นหลังจากนี้จะสู้เพื่อความยุติธรรม รับเคยคิดสั้นเพราะน้อยใจ หลังตกเป็นผู้ต้องเอี่ยวคดีดิไอคอนกรุ๊ป  

วันนี้ (26 พ.ย. 67) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดาของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิชในคดี ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน

โดยนางวิลาวัลย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนขอเป็นตัวแทนนายสามารถ ว่าถ้าลูกของตนเองได้ล่วงเกินผู้ที่มีอำนาจ ตนในฐานะแม่ ขอเป็นตัวแทนกราบขอขมา ขออโหสิกรรม อย่าได้ถือสาเอาความลูกชายของตนเองเลย ตนอยากให้เขาได้กลับมาเล่นการเมืองเพื่อช่วยประเทศชาติ แม้อาจจะมีความผิดพลาดไปบ้าง และขอบคุณศาลอาญาที่ยังมีความเป็นธรรมให้ตนได้ประกันตัวออกมาสู้คดี ตนจะขอสู้จนถึงที่สุด และขอบคุณดีเอสไอที่ดูแลตนเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องคดีก็ให้ว่ากันไปตามคดี ส่วนตนและลูกชายจะขอสู้เพื่อความเป็นธรรม

นางวิลาวัลย์ กล่าวต่อว่า เมื่อวานตนคิดสั้น และชักเกร็งจนเข้าโรงพยาบาล 1 คืน เพราะน้อยเนื้อต่ำใจ แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ตนได้นำเงินของบอสพอลมาเมื่อปี 2564 ตนมีหลักฐาน ว่ามีเงินส่วนหนึ่งนำไปทำบุญ และบางส่วนถูกนำไปปล่อยกู้ หลังจากนั้นตนจึงนำเงินส่วนนั้นให้นายสามารถนำไปคืนกับบอสพอล และบอสพอลได้มีการเซ็นรับทราบเรียบร้อยว่าได้เงินคืนแล้ว

ตั้งแต่ปี 2565 อีกทั้งวันนี้ทางบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ก็ยังไม่มีความผิดอะไรเพราะศาลยังไม่ตัดสิน อย่าไปโทษบริษัท เพราะผู้เสียหายอาจจะไม่รู้เรื่อง ทั้งตนและลูกชายตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้ด้วย

นางวิลาวัลย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนได้ช่วยคนมากกว่า 6 พันคน ให้พ้นทุกข์ แต่เวลาตนมีทุกข์กลับไม่มีใครมาช่วย ตนจึงน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง และทางเจ้าหน้าดีเอสไอส่งเข้าโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา และวันนี้ในช่วง 10 โมงเช้า ที่ห้องขังดีเอสไอ ตนพยายามนำผ้าปูเตียงมาทำร้ายตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน สุดท้ายนี้ขอให้ตนและลูกไม่ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ได้ช่วยเหลือประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

ด้านทนาย ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายสามารถ เป็นเพราะว่าพฤติการร้ายแรง และเกรงว่าจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน รวมทั้งนายสามารถมีพฤติการณ์หลบหนี แต่ทางเราจะอุทธรณ์เพื่อสู้คดี ซึ่งอาจจะเป็นระยะถายในวันสองวันนี้ ส่วนเรื่องการขอไต่สวนนั้น ทางศาลไม่ได้ไต่สวน เพียงแต่อ่านคำสั่งประกันเท่านั้น หลังจากนี้จะอยู่ที่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป