ป่วยจริงก็จบ โรม หวัง ทักษิณ ชี้แจง กมธ.มั่นคง ปมชั้น 14

View icon 47
วันที่ 21 พ.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“โรม”หวัง “ทักษิณ” ชี้แจง กมธ.มั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นโอกาส แก้ข้อครหาสังคม ลั่นถ้าป่วยจริง ไม่ได้ใช้บารมี มันก็จบ

นายรังสิมันต์ โรม ฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ. ในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ย.67) ว่า บุคคลที่เชิญจะมาหรือไม่ จะทราบในเช้าวันพรุ่งนี้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครมาบ้าง แต่ไม่ว่าจะมาหรือไม่มา แต่ข้อวิจารณ์ของสังคมได้เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้น อยากให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่ถูกเชิญพิจารณาด้วยข้อเท็จจริง ว่าการไม่มาหมายความว่าคุณไม่มีโอกาสในการชี้แจง แต่หากคุณมา แสดงว่าคุณมั่นใจว่าสิ่งที่คุณทำเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่อยู่บนวิสัยที่ไม่ได้มีมาตรฐานพิเศษเหนือกว่าใคร ตนจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล เพราะการที่มาบอกกับ กมธ. ว่าสิ่งที่คุณทำไปถูกต้องอย่างไร หรือกรณีของนายทักษิณที่ กมธ.เชิญ เพราะเกิดคำถามในสังคมว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ การมาชี้แจงถือเป็นโอกาส จะได้ลบข้อครหา ข้อวิจารณ์ต่าง ๆ ที่คนในสังคมมีต่อนายทักษิณ

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า การเปิดพื้นที่ใน กมธ. เป็นโอกาสของทุกฝ่าย คำถามทั้งหลาย เป็นคำถามที่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และพื้นฐานหลักกฎหมาย ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลเลยว่า กมธ.จะเล่นการเมืองหรือไม่ กลั่นแกล้งกันหรือไม่ ต่อให้เชื่อแบบนั้น แต่ถ้าตอบคำถามได้ ผู้ที่ต้องการกลั่นแกล้งก็จะถูกสะท้อนกลับไปที่ตัวเขาเอง สุดท้ายสังคมก็จะเชื่อในข้อเท็จจริงที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามอธิบาย มันก็จะจบอยู่ตรงนั้น ยืนยันว่า อยากให้มองเป็นโอกาส และถ้าสุดท้ายเขาเหล่านั้นไม่มา ข้อวิจารณ์ต่าง ๆ ของสังคม ก็เหมือนกับว่าสังคมจะได้รับคำตอบแล้วว่าเรื่องชั้น 14 ความจริงคืออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมในครั้งนี้ จะไม่คว้าน้ำเหลวเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การประชุมรอบที่แล้ว ตนไม่คิดว่าเป็นเรื่องคว้าน้ำเหลว แต่ได้ข้อเท็จจริงหลายย่าง และเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริงที่หลายฝ่ายไม่เคยทราบมาก่อน เป็นเรื่องที่ตนคิดว่าพิศวงอยู่ เช่น การพิจารณาใช้เวลาตัดสินใจเพียง 4 นาที การที่ไม่มีแม้กระทั่งหมอมาดูอาการของนายทักษิณ คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตนคิดว่าไม่คว้าน้ำเหลว ยังยืนยันว่าการไม่ได้คำตอบก็คือคำตอบอย่างหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อคิดว่า วิธีการที่จะทำให้ กมธ.ไม่ได้รับคำตอบหรือไม่ให้ความร่วมมือ มันคือคำตอบของประชาชน และคือคำตอบที่สังคมจะได้รับจากผู้มีอำนาจ ตนเชื่อว่าคำตอบที่ประชาชนได้รับไม่เป็นผลดีต่อผู้มีอำนาจ ดังนั้น ควรใช้วิธีและโอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการสร้างความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรม

เมื่อถามว่า นายทักษิณมีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาชี้แจงกับ กมธ. เพราะ กมธ.ไม่สามารถให้คุณให้โทษกับนายทักษิณได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ. ให้คุณให้โทษกับนายทักษิณไม่ได้ แต่จะเป็นประโยชน์ต่อนายทักษิณเอง ต้องยอมรับว่าวันนี้สังคมวิจารณ์เรื่องชั้น 14 เยอะมาก เรื่องนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากทุกฝ่าย และทุกทิศทุกทาง และนายทักษิณก็พูดเองว่าอยู่ในสถานะของการเป็นผู้ครอบครองรัฐบาล ครอบครองนายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายทักษิณก็จะเป็นตัวแปรสำคัญของความเป็นอยู่ของรัฐบาลนี้ไม่มากก็น้อย ฉะนั้น ถ้าทำให้สถานการณ์ทางการเมือง ที่มีข้อวิจารณ์ต่อนายทักษิณและต่อรัฐบาลให้เบาลง การมาชี้แจงกรรมาธิการของนายทักษิณ ก็จะช่วยรัฐบาลได้

“สมมติว่าคุณทักษิณบริสุทธิ์ใจ มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ไม่ได้ใช้บารมี พูดง่าย ๆ คือป่วยจริง ๆ ผมคิดว่ามันก็จะจบ และประชาชนก็จะมองรัฐบาลและไว้วางใจมากขึ้น วันนี้เราต้องยอมรับว่าปัญหาอย่างหนึ่ง ที่เป็นปัญหารากฐานสำคัญก็คือประชาชนจำนวนมาก ไม่ไว้วางใจรัฐบาล และการไม่ไว้ใจรัฐบาลนี้ ทำให้สุดท้ายรัฐบาลทำอะไรไป ก็จะมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ตลอด เพราะคุณเริ่มต้นจากการสร้างความไม่ไว้วางใจ ทำให้เรื่องชั้น 14 กลายเป็นเรื่องพิศวง พวกเราประชุมมา 55 ครั้ง ไม่เคยได้รับบรรยากาศการพิจารณาที่ดูยากขนาดนี้มาก่อน พอทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องพิศวงและเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิจารณาได้ สุดท้ายความไว้วางใจที่ประชาชนมองรัฐบาล ก็จะมองว่ารัฐบาลพยายามปกปิดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นต่อไป”

เมื่อถามว่า การไม่มาชี้แจง กมธ. จะทำให้การกลับบ้านของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะยากขึ้นหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไกลไปที่จะพูด และวันนี้เราไม่ได้ไปมอง ถึงการกลับบ้านของนางสาวยิ่งลักษณ์ วันนี้เรามองเฉพาะว่าการที่นายทักษิณไปอยู่ชั้น 14 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และถูกต้องหรือไม่ มาตรฐานแบบนี้ จะเป็นมาตรฐานที่ถูกปรับใช้กับนักโทษคนอื่น ที่มีปัญหาสุขภาพ อาจจะร้ายแรงหรือพอกับนายทักษิณได้หรือไม่