ชัยวัฒน์ ยิ้ม! ศาลยกฟ้อง คดีแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งจับส่วยในห้องทำงานอธิบดีกรมอุทยานฯ

View icon 583
วันที่ 19 พ.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาลอาญา ยกฟ้อง รัชฎา อดีตอธิบดีกรมยุทยานฯ ฟ้อง ชัยวัฒน์ คดีแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งจับส่วยในห้องทำงาน 

วันนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.824/2566 ที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ

โดยโจทก์ฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อเดือน เม.ย.64 ถึงปัจจุบัน จำเลยได้กระทำผิดต่อโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ และกล่าวหาโจทก์มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยโจทก์มีคำสั่งโยกย้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว

โจทก์ระบุฟ้องอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.65 จำเลยยังได้วางแผนเข้ามาขอพบโจทก์แล้วกลั่นแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้องซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง ขณะเดียวกันจำเลยได้นำซองกระดาษสีขาวทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงิน จำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ผ่านไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าและค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้งให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญา

คดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา และสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนแล้วเสร็จ วันนี้มีทนายโจทก์ จำเลย และทนายจำเลย เดินทางมาฟังการพิจารณาคดี

นายชัยวัฒน์ กล่าวก่อนฟังคำพิพากษาว่า คดีนี้มีการฟ้องศาลอาญาทุจริตฯ ไปแล้ว พร้อมกับตำรวจ ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ซึ่งเคสนั้นศาลยกคำร้อง หลังจากนั้นฝ่ายโจทก์ก็มาฟ้องส่วนตัวในคดีอาญา หาว่าตนกลั่นแกล้งสร้างข้อมูลเท็จ ตนยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องแบกรับความอัดอั้นใจของเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่เขาถูกรังแก และเหตุการณ์ทั้งหมดก็ปรากฎไปตามที่ออกสื่อมาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่า เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า มันไม่มีใครสร้างเรื่อง สร้างพล็อตได้ขนาดนี้ถ้าตัวเองไม่ได้กระทำความผิดชัดเจน เพราะลูกน้องถูกรังแกมาตลอด บางคนต้องส่งรายเดือน บางคนถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม และการรังแกแบบนี้ไม่ใช่สังคมระบบราชการ แต่ตนเชื่อว่าทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะระบบการเมืองแบบไหน หรือว่าต้องใช้ทุน เมื่อเขาฟ้องเราจะใช้กฎหมาย และต่อสู้ด้วยระเบียบข้อกฎหมาย และหลักฐานที่มีตนได้ยื่นต่อศาลเรียบร้อยแล้ว หากวันนี้มีคำพิพากษาว่าตนเป็นผู้ผิด ตนได้ให้ทนายเตรียมหลักทรัพย์จำนวนหนึ่งเพื่อต่อสู้คดี ยืนยันความบริสุทธิ์ ส่วนคดีเรียกรับสินบน ต้นเรื่องทาง ป.ป.ช. ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว 

เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำพากษา โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า แม้จะมีพยานเบิกความสอดคล้องกันเรื่องโจทก์ไม่ได้เรียกรับสินบน แต่จำเลยได้รับทราบจากผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้จำเลยเชื่อว่ามีการกระทำความผิดเรื่องการเรียกรับสินบนเกิดขึ้นจึงได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. การกระทำดังกล่าวของจำเลย จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จกล่าวหาให้โจทก์รับโทษ แม้ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดต่อโจทก์และอัยการสูงสุดจะชี้ข้อไม่สมบูรณ์กลับก็ตาม แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จหรือให้ข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน อีกทั้งการเรียกรับสินบนต้องทำโดยปกปิดยากที่จะหาพยานหลักฐานในการตรวจสอบ แม้จำเลยจะเคยมีปัญหาเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนกับโจทก์ แต่จำเลยได้ไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจกล่าวหาโจทก์ให้รับโทษ

ส่วนเรื่องการทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ แม้ว่าจำเลยจะมีการรวบรวมเงินมาจริง แต่ก็เป็นการวางแผนจับกุมส่งมอบเงิน รับฟังได้ว่ามีเจตนาทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ ไม่ได้มุ่งหมายถึงโจทก์ จึงไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายชัยวัฒน์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ศาลได้ไล่เรียงเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่ฝ่ายตนมี  ซึ่งมีลำดับขั้นตอน กรณีโจทก์กล่าวหาว่าตนสร้างหลักฐานเท็จ สร้างพยานเท็จ ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่มีมูลความจริงให้ศาลรับฟังได้ เพราะเรื่องราวขั้นตอนทั้งหมดมีการรับเงินจริง

สำหรับคำพิพากษาของศาลวันนี้ ทำให้ฝ่ายตนในฐานะจำเลย ได้หลักฐานเพิ่มเติมขึ้น เนื่องจากสิ่งที่โจทก์นำมาเบิกความต่อศาลเป็นประโยชน์กับฝ่ายตน พร้อมยืนยันจะไม่ฟ้องกลับนายรัชฏา แต่จะขอคัดสำเนาคำพิพากษาเพื่อนำไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม

นายชัยวัฒน์ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ยังมีคดีที่ตนฟ้องร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในศาลอีกหลายคดี ยืนยันจะต่อสู้ทุกคดี เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต