ชาวนาตาดำๆ ขออภัย ใช้ถนนสาธารณะเป็นลานตากข้าว เผย แค่ปีละครั้งที่เอามาตากบนถนน เพราะไม่มีที่ตากข้าวจริง ๆ
18 พฤศจิกายน 2567 จากกรณีมีภาพถูกเผยแพร่ออกไป ขณะที่ชาวนาใช้ถนนสาธารณะเป็นลานตากข้าว สลับฝั่งซ้าย-ขวา เป็นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยก็มีดรามาของชาวโซเชียลที่แสดงความคิดเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะอาจจะเกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรผ่านไปมา โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน อาจจะเกิดอุบัติเหตุทำให้คนต่างถิ่นที่ไม่คุ้นเคยได้รับอันตรายได้นั้น
โดยเสียงสะท้อนความคิดเห็นของชาวโซเชียลบางคนบอกว่า เป็นข่าวทุกปี มันรั้นจริงๆ, ไม่สมควรให้เด็ดขาด คนต่างจังหวัดจะหัวดื้อ, ถ้าเกี่ยวข้าวแบบโบราณคือเกี่ยวกับมือ ข้าวแห้งในทุ่งนาในตัว ไม่ต้องเอามาตากบนถนน และไม่เดือดร้อนเหมือนสมัยนี้, ปีละครั้ง ได้ยินคำนี้ทุกปี รู้ว่าตัวเองทำนาทุกปีก็ควรจะทำที่ไว้ตากข้าวซะ จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น ถ้าอุบัติเหตุเกิดอะไรขึ้นมีคนตายคุณรับผิดชอบไหวไหม, ตากหลังคาบ้านใครบ้านมัน, ความมักง่ายล้วนๆ อ้างยังไงก็ผิดกฎหมาย แล้วถ้าผมขับเหยียบข้าวผมผิดป่ะ ก็ผมขับเลนของผม อย่าเอาความมักง่ายให้กลายเป็นความเห็นใจ
คุณยายคานและสามี ชาวนาบ้านหนองบัวคำ ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลผลิตปีนี้ก็พอได้อยู่ได้กิน จากนาที่ทำทั้งหมด 9 ไร่ ถ้าปีนี้น้ำไม่ท่วม ทรายไม่มาถมก็คิดว่าน่าจะได้ผลผลิตมากกว่านี้ ปกติก็จะเอาข้าวไปตากที่ลานในวัด แต่เนื่องจากปีนี้มีคนเอาไปตากก่อนจนเต็มลานวัดแล้ว ก็เลยต้องเอาข้าวมาตากในถนน จึงอยากขออนุญาตและขอความเห็นใจ เพราะแค่ปีละครั้งที่เอามาตากบนถนน เพราะไม่มีที่ตากข้าวจริง ๆ และขอฝากไปยังรัฐบาลอยากให้ช่วยผลักดันเรื่องราคาข้าว ให้มีราคาสูงกว่านี้ ช่วยเรื่องราคาปุ๋ยด้วยที่แพงแสนแพง ให้รัฐบาลมาช่วยคนละครึ่งก็ยังดี
อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงชนบท (ทช.) แจ้งเตือนประชาชน “ผู้นำข้าวเปลือกมาตากแดดกีดขวางทางจราจร” สร้างความไม่สะดวกในการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยที่ผ่านมา ทช.ได้รับแจ้งเหตุช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวในหลายพื้นที่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้เส้นทางให้ไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจร โดยมีความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวน วางหรือกองสิ่งใดในเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทาง” เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงในการอนุญาต ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 72 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ทช.ขอย้ำเตือนไปยังประชาชนและเกษตรกร โปรดคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน และประโยชน์ส่วนรวม โดย ทช.ขอขอบคุณในความร่วมมือ หากพบเห็นสิ่งของกีดขวางเส้นทาง โปรดแจ้งแขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ หรือโทร.สายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146
