กฤษอนงค์ แจงปมอ้างชื่อ รัฐมนตรี

View icon 41
วันที่ 15 พ.ย. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ๊พัช กฤษอนงค์ ชี้แจงแล้ว ปมคลิปเสียงอ้างชื่อรัฐมนตรี ระบุเป็นเพียงการประสานงานโครงการส่งเสริมอาชีพ

กฤษอนงค์ แจงปมอ้างชื่อ รัฐมนตรี
กรณีเผยแพร่คลิปเสียงหญิงคนหนึ่ง พูดคุยกับ "บอสพอล" ผู้ต้องหาสำคัญคดีดิไอคอน ภายในคลิปมีการอ้างถึง รัฐมนตรีน้ำ ที่มีเฉลยภายหลังว่า คือ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในคลิปหญิงสาวท่านนั้น อวดอ้างถูกมอบอำนาจให้คุม สคบ. ขายตรงทั้งหมด ต่อมา นางสาวจิราพร ยืนยันว่า ไม่รู้จักผู้หญิงคนดังกล่าว และจะให้ฝ่ายกฎหมายเอาผิดนั้น

ล่าสุด นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นเจ้าของเสียงปริศนาในคลิป โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีของท่านรัฐมนตรี ขอชี้แจงว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใด ๆ ไม่เคยพบปะหรือพูดคุยเป็นการส่วนตัว สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิป เป็นเพียงการประสานงานโครงการที่ได้นำเสนอผ่านคนกลาง เพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านขายตรงและออนไลน์ เป็นโครงการภาคเอกชน ที่ตั้งใจให้เป็นการยกระดับ และให้ความรู้เฉพาะทาง

อ้างสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพ
ในคลิปเป็นการสนทนาระหว่างบุคคล 2 คน ที่ถูกเผยแพร่ และตัดต่อบางช่วงนั้น เป็นเพียงการสนทนาเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมอาชีพ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากการสนทนานี้ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด ขอกราบขออภัยท่านรัฐมนตรีน้ำ จิราพร สินธุไพร และคุณพ่อท่าน อย่างเป็นทางการอีกครั้ง พร้อมทิ้งท้ายว่า "กฤษอนงค์เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาในสังคม ที่ไม่มีพลังหรืออำนาจ ไม่มีสื่ออยู่ในมือ ไม่มีอำนาจใด ๆ จะไปต่อสู้กับกระแสสังคม ที่ตอนนี้ได้ตัดสินไปแล้ว ความเชื่อของกฤษอนงค์ที่ว่า ความจริงจะเอาชนะทุกอย่าง กำลังเลือนลางลงทุกที เหลือเพียงความหวังในกระบวนการยุติธรรม ที่จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงได้"

จิราพร แจ้งเอาผิด กฤษอนงค์
ส่วนช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายปวริศ ผุดผ่อง ทนายความของ นางสาวจิราพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งความร้องทุกข์ ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก น.ส.จิราพร ให้ดำเนินการทางกฎหมาย เกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงแอบอ้างที่เกิดขึ้น การกระทำดังกล่าว น่าจะเข้าข่ายความผิด 2 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท และเรียกรับผลประโยชน์ เบื้องต้นนางสาวจิราพร ยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่รู้จักกับนางสาวกฤษอนงค์ เป็นการส่วนตัว

ระบุหลักฐานคดี นักตบทรัพย์สาว ใกล้ครบแล้ว
ขณะที่พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า จากการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีที่บอสพอล อ้างว่าถูก นางสาวกฤษอนงค์ เรียกรับผลประโยชน์ว่า เบื้องต้นพยานหลักฐานค่อนข้างครบเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนกำลังไปพบบอสพอล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เซ็นคำสอบเพิ่มเติม และตัดบางประเด็นที่เป็นข้อสงสัย ซึ่งบอสพอลจะต้องเป็นผู้ยืนยันว่า จะเข้าข่ายทุจริต หรือเป็นการกรรโชกทรัพย์
ส่วนกรณีนักร้องเรียนสาว จะได้ไปลอยกระทงในคืนนี้หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ บอกว่า "ยังไม่ยืนยัน แต่ลอยกระทงเขาลอยถึงเที่ยงคืน"

อี้ แฉแหลก นักตบทรัพย์ชาย เอี่ยวหลายคดี
ขณะที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พูดถึงกรณีนักตบทรัพย์ชายนี้ว่า นอกจากประเด็น 20 ล้านบาทแล้ว ยังมีอีกประเด็น 60 ล้านบาท แต่ประเด็นดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับดิไอคอน ซึ่งนักตบทรัพย์ชายรายนี้มีพฤติกรรม หลอกลวงให้คนลงทุน โดยทางผู้เสียหายได้มีการไปแจ้งความที่ สภ.ห้วยยอด จังหวัดตรัง แล้วเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ นักตบทรัพย์ชายรายนี้ ยังมีพฤติกรรมไปหลอกลวงคนอื่นอีกหลายราย โดยหนึ่งในนั้นได้สูญเสียเงินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

รวมเเล้วนักตบทรัพย์ชายรายนี้ ยังมีความเชื่อมโยงในความเสียหายอีกหลายกรณี อาทิ แชร์ลูกโซ่หรือขายตรง ซึ่งเข้าใจว่า เดิมทีตัวนักตบทรัพย์รายนี้ อาจไม่ทราบว่า พฤติกรรมดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่

ส่วนกรณีนักตบทรัพย์ชายรายนี้ เคยออกมาเปิดเผยว่า มีคลิปเสียงที่มีการพูดคุยกับตนกรณี 60 ล้านบาท ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่การพูดคุยครั้งนั้น เป็นการพยายามฟังข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝั่งผู้เสียหาย และนักตบทรัพย์ชายรายนี้  ยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกรับทรัพย์แต่อย่างใด หากจะเปิดคลิปเสียงดังกล่าว ก็ยินดี

รัฐมนตรีน้ำ ส่งทนายแจ้งจับ อ้างชื่อตบทรัพย์
ล่าสุด นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม//แจ้งความดำเนินคดีกับ นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช กลังแอบอ้างชื่อเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป

ทนายความระบุว่า จากพยานหลักฐานซึ่งประกอบด้วยคลิปเสียงที่ได้จากสื่อมวลชนที่มีลักษณะแอบอ้างเอาชื่อรัฐมนตรีไปใช้ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง //การกระทำดังกล่าว น่าจะเข้าข่ายความผิดใน 2 ข้อหาคือ หมิ่นประมาทและเรียกรับผลประโยชน์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง