ชายไว้หนวด ไว้เครา ผมยาว ใส่จีวรออกบิณฑบาตร เปิดใจ ยืนยันยังเป็นพระ ถึงจะผมยาว ตั้งแต่โบราณไม่ได้บอกว่า พระต้องผมสั้น

View icon 73
วันที่ 13 พ.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชายไว้หนวด ไว้เครา ผมยาว ใส่จีวรออกบิณฑบาตร เปิดใจ ยืนยันยังเป็นพระ ถึงจะผมยาว ตั้งแต่โบราณไม่ได้บอกว่า พระต้องผมสั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้โกนหัว หลังถูกจับเพราะเจอสารเสพติดในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่จับถอดจีวร ก่อนยอมรับว่า ออกบิณฑบาตร เพราะวันนั้นไม่มีเงินกินข้าว เพียงอยากหาข้าวมาให้คนในบ้านทานเท่านั้น

13 พฤศจิกายน 2567 จากกรณีมีผู้ใช้ติ๊กต็อกโพสต์คลิป พร้อมคำว่า “มีทุกรูปแบบเนาะทุกวันนี้ ใช่พระสงฆ์จริงไหมน้อ มารศาสนาหาซองกฐินติน้อ”  โดยในคลิป เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. ชุดปฏิบัตการพิเศษ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 พยายามจะตรวจสอบชายห่มเหลือง ขณะออกบิณฑบาตร แต่ไว้หนวด ไว้เครา ผมยาว ขนคิ้วยาว และพยายามจะควบคุมตัว ส่งตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น โดยชายห่มเหลือง แจ้งว่าตนอยู่วัดหนองไผ่ ในอำเภอหาร จ.อุดรธานี

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อคนโพสคลิปดังกล่าว ทราบชื่อว่า จ.ส.ต.ธนูภพ ชะราจันทร์ อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ประจำชุดปฏิบัตการพิเศษ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ซึ่ง จ.ส.ต.ธนูภพ ชะราจันทร์ กล่าวว่า หลังออกไปปฏิบัติหน้าที่ ลาดตระเวณตามปกติ ช่วงกลับเข้าหน่วย  ณ ที่ทำการของชุดปฏิบัตการพิเศษ ประมาณ 6 โมงเช้า ก็พบชายรายดังกล่าว แต่งตัวคล้ายพระสงฆ์เดินบิณฑบาตจากชาวบ้าน โดยลักษณะไว้ผมยาว มีหนวดเครา และไว้คิ้ว  จึงเข้าไปตรวจสอบ ว่ามีใบสุทธิหรือไม่ มีบัตรประชาชนหรือไม่ เป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ พร้อมกับรายงานให้ ร.ต.อ.คมสัน นิลสมบูลณ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ทราบและถูกสั่งให้ตรวจใบสุทธิ แต่ชายรายดังกล่าวไม่มี แต่อ้างว่าอยู่กับพระครูบา แต่ตรวจสอบแล้วก็ไม่มี จึงได้ประสานผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหนองไฮ ให้เข้ามาดูชายดังกล่าวว่าใช่ลูกบ้านหรือไม่

ขณะที่ ผู้ใหญ่บ้านก็ได้เข้ามาดู ปรากฏว่าชายรายดังกล่าวมาสร้างบ้านอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่หมู่ 8 คือ นายภักดี อายุ 60 ปี ชาว อ.เมืองของแก่น จ.ขอนแก่น นายภักดีมีอาการพูดวกไปวนมา จึงขออนุญาตตรวจสอบหาสารเสพติด เบื้องต้นผลเป็นบวก ซึ่งชายคนดังกล่าวตอบว่าไม่ได้เสพยาบ้า แต่เสพกัญชา จากนั้นจึงได้ไปตรวจสอบที่บ้าน พบบ้องกัญชาเขียงและกัญชาที่หั่นไว้ และพบซองใสที่คาดว่าจะใส่ยาเสพติด แต่ไม่พบยาเสพติด เหลืออยู่แต่ซอง พบชุดผ้าเหลือง 2-3 ผืน บาตรพระ อยู่ในบ้าน จากนั้นจึง ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น มารับตัวไปส่งพนักงานสอบสวน

ทางด้าน นางพูลสุข โนนทนวงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น   กล่าวว่า นายภักดี ไม่ใช่คนบ้านหนองไฮ แต่มาอาศัยอยู่ที่สาธารณะของ ม.8  นายภักดี สร้างปัญหาเยอะ ขโมยของในชุมชน มีทะเลาะวิวาท ล่าสุดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ ตชด.ได้โทรศัพท์มาประสานว่า ผู้ใหญ่บ้านมาเอาลูกบ้านผู้ใหญ่บ้านที่แต่งตัวปลอมแปลงเป็นพระ ผมยาว มีหนวด ไปดูแลด้วย ตอนนี้ ชายดังกล่าวอยู่ที่หน้าบ้านพักตชด. จึงได้เข้าไปดู พบว่าเป็นนายภักดี ห่มจีวร ยืนสะพายบาตร คล้ายพระสงฆ์กำลังออกบิณฑบาตร และในกรณีแบบนี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านหลายครั้ง แต่ไม่เห็นกับตาตัวเอง ครั้งนี้ได้เห็นกับตาตัวเองต่อมาเจ้าหน้าที่ตชด. ได้นำกำลังมาค้นบ้านของนายภักดี พบกัญชา บ้องกัญชา มีด จากนั้นก็ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองขอนแก่น มารับตัวนายภักดี หรือนายบิงโก ไปสอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยจากนี้ จะมีการเฝ้าระวังบุคคลนี้ เป็นพิเศษ ทั้งเรื่องยาเสพติด และเรื่องอื่นๆ รวมถึงบุคคลที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน มาเป็นประชากรแฝง และสร้างปัญหาให้ชุมชน อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแลช่วงเวลากลางคืนเพิ่มด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวพร้อมนางพูลสุข โนนทนวงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ได้เดินทางไปที่บ้านพักของนายภักดี พักอยู่ในบ้าน ไม่มีเลขที่  ในพื้นที่หมู่8 บ้านหนองไฮ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายภัคดี เปิดเผยว่า ตนถูกจับในวันเสาร์ ขณะออกบิณฑบาตร เพราะคิดว่าตนยังเป็นพระอยู่ เพราะยังไม่ได้สึก วันนั้นตนไม่มีเงิน ไม่มีตังค์จะเลี้ยงคนที่อยู่ด้วย ก็เลยออกไปบิณฑบาตเผื่อจะได้ของมาไว้กิน โดยเดินออกจากบ้านพักที่คลองชลประทาน จากนั้น เดินตาม ถนนคันคลอง คลองชลประทาน ตรงไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน บิณฑบาตร ผ่านชุมชน จนกระทั่งทะลุออกซอยศรีจันทร์ 37 จากนั้น เดิน ตระเวนบิณฑบาต ตามถนนศรีจันทร์ ก่อนจะวกเข้าถนนศรีจันทร์ 39 แล้วเดินเข้ามาในหมู่บ้านหนองไฮ หมู่ 8 เพื่อจะกลับข้าที่พัก แต่จะกลับเข้าบ้าน ก็พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.มาเรียกตนให้หยุด แล้วบอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้

“ตนจึงถามกลับไปว่า ตนผิดอะไรในเมื่อตนเป็นพระ แต่งผ้าเหลืองขนาดนี้ ถึงจะผมยาว ตั้งแต่โบราณเขาไม่ได้บอกว่าต้องผมสั้น เขาก็มีผมยาวเหมือนกัน พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้โกนหัว ท่านก็ตรัสรู้  เพราะก่อนหน้านี้ตนได้บวชเป็นพระ แต่ตนยังไม่ได้สึก และตนมีใบสุทธิอยู่แต่ทำใบสุทธิหายที่บ้านน้องสาวที่อยู่กรุงเทพฯ”

นายภักดี กล่าวต่อว่า ในส่วนของสบงจีวรบาตรพระเป็นของตนเอง ในตอนที่บวช โยมถวายให้เป็นของใหม่ ตนยังเป็นพระอยู่ ตนก็ยังถืออยู่ ไม่ได้เอาไปทิ้งที่ไหน และตนก็ไม่ได้มีเมีย แต่เขาเป็นคนป่วยที่มาอยู่ด้วย แล้วก็มีหลานอีกคนที่เป็นคนพิการ เราก็อนุโลมให้เขาอยู่ด้วย และยอมรับว่าสูบกัญชา ตนมองว่ามันไม่ได้ผิด ไม่ได้ไปกินเหล้าเมา ตนสูบกัญชาเป็นโอสถเป็นยา ทำให้นอนหลับได้ ไม่เครียด ทำให้ใจดี พักผ่อนได้ ซึ่งตนเป็นคนหาซื้อเอง จำนวน 60 บาท เป็นเงินที่ได้จากบัตรประชารัฐ แล้วก็เงินเดือนหลานที่พิการ แต่ตอนนี้เลิกสูบแล้ว และก็ไม่ได้ห่มจีวรแล้วใส่เสื้อผ้าธรรมดา เพราะถ้าพูดตามวินัยของสงฆ์ถือว่าขาดการเป็นพระแล้ว แต่ในใจของตน ก็ยังเป็นพระอยู่เหมือนเดิม และขอยืนยันว่า จะไม่ทำอีก สิ่งของถูกยึดไปหมดแล้ว เพราะหลังถูกจับได้ ถูกค้นที่พัก ทุกอย่างถูกยึดไปหมด และถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องควบคุม ถูกปล่อนตัวออกมาช่วงเย็นวันที่ 11 พย.ที่ผ่านมา

ด้าน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก. สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ได้รับการประสานจาก ตำรวจ ตชด.ว่า มีชายไว้หนวด ไว้เครา ผมยาว ขนคิ้วยาว ห่มจีวรเหมือนพระสงฆ์ ออกบิณฑบาตร  ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ตชด ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ประจำโซนบ้านพัก ตชด ออกตรวจสอบ ก็พบพระสงฆ์กำลังเดินบิณฑบาตร ตามที่รับแจ้งจริงๆ จึงขอตรวจสอบหนังสือสุทธิในการบวชเป็นพระสงฆ์ แต่ไม่สามารถนำเอกสารหนังสือสุทธิมาแสดง และไม่สามารถบอกวัดที่สังกัดได้ จึงนำตัวไปสภ.เมืองขอนแก่น ทำการตรวจปัสสาวะ ผลการตรวจน้ำปัสสาวะให้ผลเป็นบวก พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ จึงได้แจ้งข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย  และแต่งกายหรือใช้เรื่องหมายที่แสดงว่าตนเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือ นักบวช ในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น