ยายแสบร่วมกับหลายชาย-หลานสะใภ้ลักนาฬิกาหรู ตร.บุกบ้านตามจับเล่นละครป่วยหนัก หลานบอกยายแกล้งดรามา
วันนี้ (12 พ.ย.67) เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ เย็นสวัสดิ์ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี นำกำลังจับกุม น.ส.อรุณ อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ 414/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 โดยกล่าวหา “ร่วมกันรับของโจร” เป็นการเข้าจับกุมครั้งที่ 2 เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนเข้าจับกุม แต่พบว่าผู้ต้องหาป่วยหนัก ติดเตียง จึงยังไม่ได้จับกุม โดยครั้งนี้จับกุมได้ที่บ้านพัก จากนั้นได้ควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวน
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 พ.ต.ท.เรืองยศ ภูดานุ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาว สปป.ลาว อายุ 43 ปี ว่า ได้เดินทางข้ามมาเมืองไทย และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ต่อมานาฬิกาหรู มูลค่า 4.6 แสนบาท ที่ถอดไว้ในห้องพักได้หายไป หลังจากที่แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้องพัก เจ้าของโรงแรมจึงเรียกแม่บ้านคนดังกล่าวมาไกล่เกลี่ยให้นำนาฬิกามาคืนลูกค้า แต่แม่บ้านได้ให้สามีและ น.ส.อรุณ นำนาฬิกาไปขายแล้ว โรงแรมจึงให้แม่บ้านออกจากโรงแรม และแจ้งความ โดยตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติหมายจับทั้ง 3 คน
กระทั่งวันที่ 11 พ.ย. ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ นำกำลังพร้อมหมายจับข้อหา “ลักทรัพย์” จับกุมแม่บ้านคนดังกล่าว และนำหมายจับ ข้อหา “ร่วมกันรับของโจร” จับกุมสามีของแม่บ้าน โดยสามารถจับทั้งสองคนได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี จากนั้นนำหมายจับข้อหา “ร่วมกันรับของโจร” ไปจับ น.ส.อรุณ ที่บ้านพัก ซึ่งพบว่าผู้ต้องหาป่วยมะเร็ง นอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สภาพอิดโรย พูดจาไม่รู้เรื่อง ตำรวจเห็นแก่มนุษยธรรม และขอคำแนะนำจากบังคับบัญชา คิดว่าได้รับกรรมที่ตัวเองทำแล้ว และยังไม่จับตัวไปดำเนินคดี
ภายหลังสอบสวนแม่บ้าน และสามี ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุลักนาฬิกาของลูกค้าชาว สปป.ลาวจริง โดยมี น.ส.อรุณ ยายของสามีพาขับรถกระบะนำนาฬิกาไปขายที่กรุงเทพ ได้เงิน 280,000 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคาร น.ส.อรุณ พวกตนก็ถอนออกจากบัญชี เพราะรู้รหัส และนำเงินไปใช้หมดแล้ว ส่วนยายไม่ได้ป่วยหนักจนนอนติดเตียง ยายแค่เล่นละครและแกล้งป่วยหนัก จึงนำตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำกำลังไปจับกุม น.ส.อรุณ ที่บ้านพักแบบจู่โจม ก็พบว่า น.ส.อรุณ ยังเดินอยู่ในบ้านและทำงานบ้านได้ตามปกติ บ้านช่องก็สะอาดดี ไม่ได้นอนติดเตียงเหมือนเมื่อวานนี้ พอผู้ต้องหาเห็นตำรวจก็ทำหน้างง แต่ น.ส.อรุณ ป่วยเป็นมะเร็งจริง มีประวัติการรักษาจริง แต่ไม่ได้ป่วยหนัก โดย น.ส.อรุณอ้างว่าหลานเอานาฬิกาไปขาย และโอนเงินเข้าบัญชี น.ส.อรุณ จากนั้นก็กดออกไปใช้หมดแล้ว ผู้ต้องหายืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงควบคุมตัวมาโรงพักทำการสอบสวน
น.ส.อรุณ ให้การว่า ตัวเองป่วยเป็นมะเร็งในช่องท้องระยะสุดท้ายมาปีกว่าแล้ว หลานชายและหลานสะใภ้ไปก่อเหตุลักทรัพย์ แล้วนำไปขายเอง โดยตนแค่ติดรถปิกอัพไปหาหมอที่กรุงเทพด้วย ซึ่งหลายชายและหลานสะใภ้โอนเงินเข้าบัญชีตนจริง แต่ทั้งสองคนก็กดออกไปใช้หมดแล้ว เพราะหลานชายรู้รหัส แต่ตนไม่ได้เงินซักบาท ทั้งนี้ ทั้งสองคนติดยาเสพติด หลานชายเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ส่วนหลานสะใภ้ทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรม ตนไม่รู้เรื่องการลักทรัพย์ครั้งนี้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ต้องหาสามีภรรยาคู่นี้เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน ที่ถนนวัฒนานุวงศ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.67 ตำรวจเข้าไกล่เกลี่ยจนทั้งสองคืนดีกัน ฝ่ายสามีสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ก่อนหอมแก้มเมียโชว์ตำรวจ และเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.67 ฝ่ายสามีก่อเหตุคลั่งอาละวาดจากการเสพยาบ้า พังข้าวของในบ้านของ น.ส.อรุณ ซ้ำยังขว้างมีดทำครัวข้างใส่ยาย ก่อนหลบหนีไป ซึ่ง น.ส.อรุณก็ไม่ได้ไปแจ้งความเพิ่มเติม