ปราบไม่หมด แก๊งปากี หลอกขายสมุนไพรวิเศษ ขวดละหมื่น ไม่ซื้อไม่ได้เพราะผสมยาแล้ว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย รู้ตัวว่าถูกหลอก โร่ขึ่นโรงพักแจ้งความ
หลอกลวงนักท่องเที่ยว ช่วงกลางดึกวานนี้ (6 พ.ย.67) นักท่องเที่ยวสัญชาติอินเดีย อายุ 34 ปี เจ้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.อัครพงษ์ แสนปุตะวงษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา หลังตกเป็นเหยื่อของกลุ่มชาวต่างชาติ สัญชาติปากีสถาน 2 คน ที่เข้ามาเสนอขาย สินค้าสมุนไพรผสมน้ำผึ้ง โดยอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงและราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป ทำให้สูญไป 20,000 บาท เหตุเกิดที่ร้านสมุนไพรแห่งหนึ่ง ริมถนนพัทยาสายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลในชั้นแจ้งความดำเนินคดีว่า ขณะเดินอยู่ริมถนนพัทยาสายสอง เมื่อคนเชียร์แขก ชาวปากีสถาน 2 คนสังเกตเห็นว่ามือทั้งสองข้างของตนมีปาน ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เกิด จึงเดินเข้าทัก แล้วแนะนำว่ารู้จักร้านขายสินค้า เป็นสมุนไพรวิเศษ เพียง 2 สัปดาห์ จะสามารถรักษาโรคหายขาดแน่นอน จากนั้นชายทั้ง 2 คน ได้พาผู้เสียหายไปยังร้านสมุนไพรที่เกิดเหตุ พร้อมแจ้งกับทางร้านว่า ต้องการสมุนไพรตัวดังกล่าว สนนราคา 900 บาทต่อ 1 กรัม และน้ำผึ้งหนึ่งในส่วนผสมหลักขวดละ 1,000 บาท
ผู้เสียหาย บอกด้วยว่า เมื่อทราบราคา ตนปฎิเสธไม่ซื้ออ้างว่าไม่มีเงิน แต่ทางร้านแจ้งว่าผสมยาแล้ว ไม่สามารถคืนได้ ต้องรับสินค้า จะเลือกจ่ายด้วยช่องทางใดก็ได้ ทำให้ต้องจำใจซื้อ เหมือนโดนมันมือชก ซื้อสมุนไพร 2 ขวดในราคาขวดละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 20,000 บาท กระทั่งกลับมานั่งกินอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีชาวต่างชาติสังเกตเห็นแพคเกจสมุนไพร ที่ทางร้านอ้างเป็นยาวิเศษ ได้มาบอกว่าถูกหลอกแล้ว ที่พัทยามีนักท่องเที่ยวถูกหลอกในลักษณะนี้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ
ร.ต.อ.อัครพงษ์ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ไปตรวจสอบร้านดังกล่าวเพื่อหาข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า การหลอกลวงนักท่องเที่ยวให้ซื้อสมุนไพรรักษาโรค มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อหลายคน บางคนเข้าแจ้งความ แต่บางคนเดินทางกลับประเทศไปแล้ว ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ออกกวาดล้างจับกุมไปแล้วหลายครั้ง แต่ขบวนการต้มตุ๋นไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยังคงหลอกขายสินค้าสมุนไพรที่ไม่ได้รับอนุญาต อวดอ้างสรรพคุณ และมีราคาแพงเกินความเป็นจริงให้กับนักท่องเที่ยว จนอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพัทยาเมืองท่องเที่ยว
