หลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบช่วยเหลืออดีตครูวัยเกษียณ ทำห้องขังในบ้านไว้ดูแลบำบัด "ลูกชายทาสยาบ้า" ด้าน ปลัดอำเภอนางรอง ชี้ผิดกฎหมาย ทำไม่ได้
จากกรณี นางสารภี อายุ 64 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณ ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แบ่งพื้นที่ภายในบ้านทำกรงลักษณะเหมือนห้องขังของสถานีตำรวจ ซึ่งในห้องขังนี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งกล้องวงจรปิด ห้องน้ำสะอาด เพื่อรอรับการกลับมาของ ลูกชายวัย 42 ปี ที่เจ้าหน้าที่นำตัวไปรักษาที่ รพ.นางรอง ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากคลั่งยาบ้าอย่างหนัก จนแม่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาควบคุมตัว โดยหมอให้ไปรับตัวในวันที่ 6 พ.ย.นี้
(
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แม่จำใจ! จ้างช่างทำห้องคล้ายห้องขัง รักษาลูกชายทาสยาบ้า คลั่งขู่ฆ่า-พังบ้าน)
(
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แม่สร้างห้องขังลูกชายทาสยาบ้า วอนชุมชนให้โอกาส ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ที่อื่น)
ล่าสุดวันนี้ (5 พ.ย.67) ปลัดอำเภอนางรอง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อัยการนางรอง ,สำนักงานคุมประพฤติ ,ตำรวจ ,สาธารณสุขอำเภอ ,โรงพยาบาล และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ไปยังบ้าน นางสารภี เพื่อสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแนวทางการดูแลรักษาลูกชายที่ติดยาเสพติด และอาจมีภาวะจิตเวชด้วยว่า จะดำเนินการดูแลรักษาอย่างไร
โดยนายธนธรณ์พล ไขว้พันธ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เผยว่า จากข้อมูลที่ทางอำเภอและโรงพยาบาล ไปควบคุมผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการคลุ้มคลั่งมาดูแลบำบัดมากกว่า 100 คน กรณีที่มีการรับแจ้งทางหน่วยงานอำเภอก็จะมีชุดเฉพาะกิจและมีศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับผู้ป่วยจิตเวชโดยเฉพาะอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีการร้องเรียนและร้องขอผ่านมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ โดยจะมีปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม เป็นต้นเรื่องที่คอยรับเรื่อง ก่อนจะประสานให้ชุดเฉพาะกิจลงไปประเมินสถานการณ์และนำผู้ป่วยไปรักษา
ซึ่งการรักษาทั้งหมดนั้นก็จะอยู่ที่หมอจิตเวช ซึ่งโรงพยาบาลนางรองก็จะมีอยู่ 2 ท่าน หากอาการหนักก็จะส่งไปโรงพยาบาลบุรีรัมย์ รวมทั้งศูนย์บำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวชโคราชและศูนย์ขอนแก่นตามลำดับ ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่บำบัดออกมา ก็จะมีอาการที่อ่อนตัวลงหรือไม่หนักเท่ากับตอนที่ยังไม่ได้บำบัด สำหรับรายนี้ ถือว่าเป็นผู้ป่วยที่หนักมาก กรณีนี้ทางหมอจิตเวชและหน่วยงาน ก็จะต้องหารือกันว่าจะนำส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่นหรือไม่
ส่วนเรื่องการทำห้องคล้ายกรงขังไว้ในบ้านนั้น ไม่สามารถทำได้เพราะเข้าข่ายในเรื่องการกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งผิดกฎหมายไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ก็จะหาแนวทางดูแลช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนางสารภี ผู้เป็นแม่อีกครั้ง ก็ยืนยันว่าที่ตัดสินใจจ้างช่างมาทำห้องคล้ายกรงขัง เป็นเพียงความคิดในฐานะแม่ที่อยากจะดูแลลูกชายด้วยตัวเอง ให้เลิกยาเสพติดและการพนันเท่านั้น ไม่มีเจตนาจะกักขัง เพราะเคยส่งบำบัดหลายครั้งก็ยังไม่ได้ผลกลับมาก็เป็นเหมือนเดิมอีก ที่สำคัญก็เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนในหมู่บ้านด้วย เพราะที่ผ่านมาลูกเคยมีพฤติกรรมทั้งอาละวาด ยิงปืนขู่ ขับรถชนบ้านพัง และทำร้ายภรรยาถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว แต่หากหน่วยงานภาครัฐบอกว่าไม่สามารถทำได้ ก็อยากให้หาแนวทางบำบัดรักษาลูกให้หายเป็นปกติไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก