ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตามกันต่อกับการสรรหาตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ หลังมีกระแสม็อบจะมาคัดค้านคนฝั่งการเมืองชิงเก้าอี้ร้อน เช้าวันนี้ เริ่มต้นมาก็ปั่นป่วนเลย ว่าจะเลื่อนประชุมหรือไม่ หลังเลื่อนไปแล้ว 1 ครั้ง สุดท้าย แบงก์ชาติขอเลื่อนอีกรอบ เป็น 11 พฤศจิกายนแทน
เลื่อนเคาะประธานบอร์ด ธปท.อีกรอบ
ร้อนแรงตั้งแต่ยังไม่เริ่มการสรรหา กับเก้าอี้ประธานกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท. หรือที่เรียกกันว่า แบงก์ชาติ ตอนแรกมีกำหนดจะประชุมเคาะตัวบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ที่หมดวาระลงตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา
และยังไม่ทันจะเริ่มประชุม เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ราว ๆ 09.00 น. นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แว่วข่าวว่า เลื่อนประชุมสรรหาประธาน ธปท.แล้ว พร้อม ติด # saveแบงก์ชาติ #อย่ายอมให้นักการเมืองแทรกแซง
จากนั้น ทีมฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของแบงก์ชาติ ก็ส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มสื่อมวลชน สรุปว่า จำเป็นต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 14 พฤศจิกายน นี้ เพื่อให้การพิจารณาข้อมูลเป็นไปอย่างรอบด้าน ครบถ้วน
กลุ่มผู้ชุมนุม ค้านการเมืองแทรกแซง ธปท.
และที่หน้าแบงก์ชาติ เช้านี้ มีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้นัดรวมตัวกันไปกดดันหน้าแบงก์ชาติ พร้อมเตรียมยื่นหนังสือที่รวบรวมรายชื่อ คัดค้านการเมืองแทรกแซงการทำงานของแบงก์ชาติ แล้วกว่า 20,000 รายชื่อ
ไปดูกันว่า ผู้ถูกเสนอชื่อ และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามการสรรหา ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีใครกันบ้าง คนแรกคือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) เป็นโควตา ที่ถูกเสนอโดยกระทรวงการคลัง (ตามกฎหมายสามารถเสนอได้ 1 รายชื่อ) ส่วนอีก 2 รายชื่อ เป็นโควตาถูกเสนอโดยนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย คือ นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน (อดีตอธิบดีกรมศุลกากร และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สคร.) และนาย (ศ. ดร.) สุรพล นิติไกรพจน์ ศาสตราจารย์ประจำศูนย์กฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กระแสการคัดค้านเริ่มขึ้นมา ตั้งแต่เปิดรายชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้คัดค้านมาจากหลายฝ่าย ทั้งนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ เช่น กลุ่ม 227 นักวิชาการนักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มอดีตพนักงานแบงก์ชาติ หลายคนมองถึงผลกระทบด้านความเชื่อมั่น และการลงทุน อนาคตเกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ กรรมการสรรหาฯ ทั้งหมด ก็ต้องรับผิดชอบด้วย
