เช้านี้ที่หมอชิต - ตามกันต่อคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" ตำรวจยืนยัน มีผู้ต้องหาล็อต 2 ส่วน 18 บอส เตรียมแจ้งข้อหาหนักร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรเพิ่ม สำหรับการยึดทรัพย์ ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่แพ้ผู้เสียหาย ที่ยังคงมาแจ้งความ
บก.ปคบ.อายัดรถคดี ดิไอคอนกรุ๊ป เพิ่ม 4 คัน
วานนี้ ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. อายัดรถตู้ 3 คัน ของนายวรัตน์พล หรือ "บอสพอล"
ส่วนรถตู้เบนซ์ อีก 1 คัน เป็นของ "บอสกันต์" รถตู้คันนี้ เป็นของขวัญที่ได้รับมาจากบอสพอล เดิมเป็นสีแดง แต่มีการแร็ฟ เป็นสีดำ ตำรวจนำรถของกลาง มาจอดไว้ที่หน้าตึก กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อรอการตรวจสอบ
สำหรับยอดอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหาเครือข่าย "ดิไอคอนกรุ๊ป" ตั้งแต่วันที่ 10-20 ตุลาคม รวมมูลค่ากว่า 225 ล้านบาท (รถยนต์ 29 คัน, บ้าน และที่ดิน 3 แปลง, เงินสด 7,524,000 บาท ทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ เช่น นาฬิกา และของแบรนด์เนม 151 รายการ และอาวุธปืน 2 กระบอก)
ส่วนยอดผู้เสียหายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ถึงเมื่อวานนี้ 15.00 น. มี 5,648 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,611 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดี พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่า ผู้ต้องหาในเครือข่าย "ดิไอคอกรุ๊ป" ล็อต 2 มีแน่นอน และมีกระแสข่าวว่า พิธีกร ต.เต่า ซึ่งจะถูกเรียกมาสอบ ล็อตนี้
พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายเรียกผู้ต้องหา "ล็อตใหม่" เป็นกลุ่มแม่ข่ายที่มีสมาชิกเยอะ ๆ และกลุ่มพนักงานของบริษัทบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงนามในเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย
จ่อเอาผิด 18 บอส "ฟอกเงิน" และ "อั้งยี่ซ่องโจร" ส่วน 18 บอส จะแจ้งข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาอั้งยี่และซ่องโจรเพิ่มเติม พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ บอกว่า จะแจ้งเมื่อไรก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือระยะเวลาในการขออำนาจศาล ฝากขัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจแจ้งข้อหา "ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์" มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี มีอำนาจฝากขังได้เพียง 4 ผัด (ผัดละ 12 วัน) พนักงานสอบสวนจึงต้องเร่งทำคดี
และมีแนวโน้มว่าผิด ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน มีโทษจำคุก 1-10 ปี อาจจะต้องแยกออกมาเป็นอีกคดี เพราะต้องใช้เวลาตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด
เร่งตรวจสอบคลิปเสียงในโทรศัพท์มือถือ "บอสพอล"
ส่วนโทรศัพท์ของ "บอสพอล" หลัง "นายเอก" คนขับรถส่วนตัวนำมาส่งมอบให้เมื่อเย็นวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ บอกว่า ตำรวจ บก.ปอท. เร่งตรวจสอบไฟล์ต่าง ๆ
เชื่อว่า น่าจะมีไฟล์คลิปเสียงที่ "บอสพอล" เคยแอบบันทึกเก็บไว้ขณะสนทนากับบรรดานักร้องเรียน และนักการเมืองดังต่าง ๆ ที่พยายามเรียกรับเงินค่าดูแล ตามที่เจ้าตัวเคยให้ปากคำไว้ บอสพอล เคยให้การยอมรับว่า มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง โดยเครื่องหลักถูกตรวจยึดไปก่อนหน้านี้จะใช้สำหรับติดต่อทั่วไป ส่วนอีกเครื่องที่นายเอก คนขับรถเก็บรักษาไว้ จะใช้บันทึกข้อมูลหรือกิจกรรมงานต่างๆ รวมถึงใช้เป็นเครื่องอัดเสียงเวลาที่ถูกกลุ่มคนเหล่านี้โทรมาข่มขู่เรียกเงิน
หากตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง พบไฟล์คลิปเสียงดังกล่าว ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในการคลี่คลายคดี คาดว่าต้องใช้เวลานาน เนื่องจากไม่มีบุคคลใกล้ชิดที่ทราบรหัสเปิดเครื่อง จึงไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้
พิษดิไอคอนกรุ๊ป ยังลามไม่หยุด เพจฯ ดัง ออกมาแฉไปถึง พระมหาฯ ในจังหวัดขอนแก่น รับโอนเงินจากบอสพอล เข้าบัญชีส่วนตัวกว่า 12 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่กี่ปี โอนเงินแต่ละครั้ง 200,000-600,000 บาท
วานนี้ พระมหาอุดร บุญชูหล้า พระลูกวัดสว่างน้ำใส ได้ออกมาชี้แจงแล้ว ว่ารู้จักกับบอสพอล เมื่อ 10 ปีก่อน เหมือนโยมทั่วไป เงินที่โอนเข้ามาเพื่อทำบุญ
และถูกนำไปใช้ในกิจของสงฆ์ทั้งหมด เช่น ติดตั้งเสาไฟฟ้ารอบวัด ขุดเจาะบ่อบาดาล และก่อสร้างโบสถ์ นอกจากนี้ ยังนำเงินไปพัฒนาวัดอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ทุกปี บอสพอล จะมาทอดกฐิน ปีนี้กำหนดจะเดินทางมาวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน
ภรรยา "บอสกันต์" เป็นบุคคลเฝ้าระวัง
ส่วนภรรยา "บอสกันต์" ในโซเชียลระบุว่า หลบหนีออกนอกประเทศ ทีมข่าว 7HD คุณอภิเอก สอบถามแหล่งข่าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ยืนยันว่า ลงข้อมูลในระบบให้ ภรรยา "บอสกันต์" เป็นบุคคลเฝ้าระวัง ป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ หากว่าใครมีหมายจับ หรือถูกจับตาเป็น "Watch List" เวลาเดินทางผ่านด่าน ตม. ชายแดน หรือทางสนามบิน ก็จะขึ้นข้อมูลแล้วตำรวจก็จับกุมทันที
ขณะเดียวกันเพจฯ ดัง ก็เปิดเผยชื่ออีก 1 คน ที่อยู่เบื้องหลังคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" และปัจจุบันเป็นทนายความ นามสมมติว่า "ทนายแบรนด์เนม" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งต้องรอติดตามข้อเท็จจริงจากตำรวจ
วันนี้ (21 ต.ค.) พยานที่อ้างว่าเป็นสายลับ ของทนายตั้ม และ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ จะถูกเรียกมาสอบที่ กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)
ขอบคุณภาพจาก : Facebook ดาวแปดแฉก
