พยานสำคัญให้ข้อมูลดีเอสไอ

View icon 50
วันที่ 16 ต.ค. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ทนายตั้ม-เอกภพ สายไหมต้องรอด นำพยานปากเอก กุมความลับ ดิ ไอคอน เข้าให้ข้อมูล ปมจ่ายสินบนให้บิ๊กดีเอสไอ บอกเป็นเทวดาส่งมาดูแลกำกับคดีแชร์ลูกโซ่

พยานสำคัญให้ข้อมูลดีเอสไอ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วยนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พาพยานสำคัญที่รู้เห็นการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอระดับสูง เข้าพบ นายยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลลับ

นายเอกภพ เปิดเผยว่า ช่วงที่เทวดาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิ ไอคอน คือช่วงปี 2563 - 2565 เทวดาได้มีการฝากฝัง “บุคคลคนหนึ่ง” ให้เข้ามาอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบหน่วยงานเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่โดยตรง ซึ่งเรื่องนี้มีมูลความจริง เพราะในปีนั้นมีการฝากและระบุเจาะจงว่าต้องเป็นเจ้าหน้าที่คนนี้มาดูแลหน้าที่ตรงนี้ จะคอยดูแลคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องแชร์ลูกโซ่โดยตรง มีการนำเครื่องเซ่นไหว้มาถวายให้ ซึ่งสายลับอาจจะเคยเป็นผู้ประสานเพื่อที่จะนำเครื่องเซ่นไหว้มาให้กับเทวดาที่ดีเอสไอ เพราะว่าสายลับคนดังกล่าว รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง รู้ขั้นตอน รวมถึงรู้ว่าจะต้องไปเบิกเงินถอนเงินเป็นนามสกุลอะไร พร้อมบอกว่าเทวดาที่ดีเอสไอเป็นระดับผู้บริหาร

นายเอกภพ เผยว่า คนที่ส่งมาไม่ถึงเป็นระดับอธิบดี แต่จะอยู่ในระดับหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในหน่วยงาน เป็นผู้บริหารระดับสูง เพราะขยับตามตำแหน่ง และมีเครื่องเซ่นเป็นผลตอบแทน ส่วนพยานไม่แน่ใจว่าเคยเจอกับข้าราชการดีเอสไอหรือไม่ แต่ข้อมูลยืนยันว่าค่อนข้างจริง

เมื่อถามว่าบุคคลที่อยู่ในคลิปเสียงที่มีการหลุดออกมานั้นจะเชื่อมโยงกับเทวดาหรือไม่ นายเอกภพ ระบุว่า บุคคลในคลิปเสียงเป็นเพียงแค่ลูกกรอกของเทวดา ไม่ใช่เทวดาตัวจริง ถ้ามีการเปิดเผยตัวจริงของเทวดาออกมาหลายคนจะตกใจ

เมื่อถามว่าเป็นระดับรัฐมนตรีหรือไม่ นายเอกภพ บอกว่า รัฐมนตรีอาจจะเป็นลูกน้องก็ได้ ข้าราชการที่หน่วยงานนี้รู้แก่ใจว่าเทวดาฝากมาจริงไหม แต่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนปัจจุบันยังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากเป็นรองอธิบดี และอยู่ที่กรมอื่น ต้องให้ความเป็นธรรมกับท่านอธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบันด้วย

เรียกร้อง “บอสพอล” เปิดข้อมูลหากกลัวตาย
ส่วนที่สายลับบอกว่า มีการเซ่นไหว้ให้ 4 หน่วยงาน ถ้ารู้ว่าใครเป็นหน้าเสื่อในการดูแลทุกคนจะต้องตกใจ แล้วตนเองกับทนายตั้มยืนยันว่าจะไปยื่นหนังสือกับอีก 3 หน่วยงานที่ถูกกล่าวอ้างว่ารับเครื่องเซ่นไหว้ ถ้าหากไปแล้วไม่มีใครออกมารับหนังสือ ก็จะฝากหนังสือไว้กับศาลพระภูมิหรือ รปภ.

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ บอสพอล ออกมาพูดว่า ไม่รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร นายเอกภพ ระบุว่า บอสพอลอาจจะสู้อยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คลิปที่หลุดออกมาอาจจะเป็นการพยายามสื่อไปถึงเทวดาว่าจะต้องปกป้องคุ้มครองบอสพอล เพราะถ้าหากไม่ปกป้อง บอสพอลก็จะพาทุกคนไปตายด้วยกันทั้งหมด เรียกร้องให้บอสพอลออกมาเปิดเผยข้อมูลหากกลัวตายก็ให้ประสานมาที่นายเอกภพ หรือ ทนายตั้ม ยืนยันว่าปลอดภัยแน่นอน ส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ให้นำไปขายคืนกับผู้เสียหาย

ทนายตั้มเตรียมเปิดตัวละครลับ “ธ”
ด้านทนายตั้ม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละคร “ธ” แต่ไม่อยากที่จะเปิดเผยข้อมูลเนื่องจากกลัวเจ้าตัวจะไหวตัวทัน แต่ได้บอกว่าบุคคลคนนี้ เป็นเหมือนเกจิอาจารย์ของบอสพอล เคยติดต่อมาหาทนายตั้ม ตั้งแต่ปี 61 ก็ได้มีการติดต่อมาหา ทนายตั้ม ไปทำธุรกิจร่วมลงทุน แต่ทนายตั้ม ได้ปฏิเสธไป และมั่นใจว่าไม่เคยเจอ แต่น่าจะเคยคุยโทรศัพท์ และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวตนรู้จักเป็นอย่างดี

ส่วนกรณีที่ “ธ” ได้มีการออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบอสพอล ทนายตั้มย้ำว่าพรุ่งนี้ก็จะได้รู้ เพราะจะงัดหลักฐานเด็ดมาให้ได้ดูกัน พร้อมบอกว่า ขอขอบคุณ ปปง. ที่มีการยึดทรัพย์ของบอสพอล และเหล่าบอส เชื่อว่าน่าจะเป็นจากการกดดันที่ตัวเองและเพื่อนทนายรวมไปถึงนายเอกภพสายไหมต้องรอดออกมาเรียกร้องให้ปปง.มีการยึดทรัพย์ก่อนที่จะประชุมวันที่ 17 ตุลาคม เพราะถ้าหากไม่มีการอายัดทรัพย์สินไว้ อาจจะมีการถ่ายโอนไปที่อื่น แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เงินสด ที่มีมูลค่าหลักร้อยล้าน แต่ก็ยังมีที่ดินอีก เชื่อว่าถ้ายึดมาได้จะมีมูลค่าเป็นหลัก 1 พันล้าน

เมื่อถามว่าทำไมถึงมีการอายัดทรัพย์สินเพียงแค่ 3 บุคคล ทนายตั้ม ระบุว่า การอายัดครั้งนี้ จะทำเฉพาะตัวการที่สำคัญก่อน หลังจากนี้ก็จะมีการขยายผลและก็จะมีการอายัดเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า ทำไมถึงอายัดเพียงแค่ 90 วัน ทนายตั้มระบุว่า เป็นเพียงแค่การป้องกันการถ่ายโอนทรัพย์สินเท่านั้นหลังจากนี้ถ้าหากพบว่ามีความผิดก็จะสามารถยึดทรัพย์สินไว้ได้จนจบคดี

รับเรื่องตรวจสอบปม “เทวดา”
ต่อมาเวลา 12.00 น. ทนายตั้ม และนายเอกภพ ได้ออกมาให้ข้อมูลหลังพูดคุยกับพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ทนายตั้ม ระบุว่าข้อมูลที่ทางสายลับของนายเอกภพ ให้มานั้น เป็นข้อมูลที่สำคัญ ต้องดูว่าหลังจากที่ทางสายลับของนายเอกภพมาให้ข้อมูลแล้ว หลังจากนี้ทางดีเอสไอจะทำอย่างไรต่อไป เบื้องต้นจากการให้ข้อมูลไป ทางดีเอสไอก็ไม่ได้ยอมรับ แต่บอกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น

นายเอกภพ เสริมขึ้นมาว่า รองอธิบดี บอกว่า หากพบใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็พร้อมที่จะสั่งย้ายและตรวจสอบความถูกต้อง