ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และ พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ. ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำทีมงานออกสืบสวนกรณีมีการทุจริตเงินค่าธรรมเนียมการจัดการขยะมูลฝอยท้องถิ่นในพื้นที่ จ.นครสวรรค์
ล่าสุดวันนี้ (7 ต.ค. 67) เวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ศานุวงษ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. พร้อมทีมงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำโดย นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการ ป.ป.ท. เขต 6 , ร.ต.อ.สมบูรณ์ อินทร์ทับ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ และ นายภาณุวัฒน์ สร้อยศรีสุข นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ นำหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จับกุม นายสุริโย (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่ อบต.ตาคลี เนื่องจากมีหน้าที่ในการเก็บขยะ และค่าธรรมเนียม ซึ่งได้เก็บค่าธรรมเนียมในการจัดการขยะจากชาวบ้านกว่า 1,000 หลังคนเรือน หลังละ 15 บาท ทั้งรายเดือนและรายปี แต่อมเงินไว้ใช้เอง ไม่ส่งเข้ารัฐ อีกทั้งยังนำบิลเก่ามาสับขาหลอกหน่วยงาน เป็นเหตุให้ อบต.ตาคลี ได้รับความเสียหาย ร้อง ป.ป.ท. จนออกหมายจับ ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาทราบว่า เหตุเกิดตั้งแต่ประมาณ ปี พ.ศ. 2556 โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่ามีการเก็บเงินจริง โดยมีหน้าที่ในการเก็บขยะอยู่แล้ว และเป็นผู้ที่จะต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจัดการขยะจากชาวบ้านทุกหลังคาเรือนที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน ซึ่งมีหมู่บ้านในความรับผิดชอบประมาณ 5-6 หมู่บ้าน รวมกันกว่า 1,000 หลังคาเรือน ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเก็บเดือนละ 15 บาท แต่ก็มีบางหลังคาเรือนที่ไม่ได้จ่ายเป็นรายเดือน แต่ขอเสนอจ่ายเป็นรายปี ปีละ 180 บาท
เป็นเหตุให้มองเห็นช่องว่างในการที่จะเอาเงินมาใช้ โดยไม่ต้องนำส่งคืนแก่รัฐ จากนั้นนำบิลเก่ามาสลักหลังหลอกกับทาง อบต. ว่าเป็นบิลเงินรายเดือน หรือรายปี สลับกันไป เพื่อที่จะได้นำส่วนต่างจากบิลดังกล่าวมาเก็บไว้ใช้ ซึ่งทำมาเป็นเวลานานหลายครั้ง จนทาง อบต.ตาคลี จับได้ว่ามีการนำส่งเงินไม่ครบตามจำนวน เป็นเหตุให้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง ป.ป.ท. ให้ดำเนินคดีจนกว่าจะถึงที่สุด ในส่วนของผู้ต้องหาก็หลบหนีหมายเรียกไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ตามหมาย อ้างว่าเงินแค่ไม่กี่บาทคงไม่เสียหายเท่าไหร่นัก จึงหลบหนีเรื่อยมา กระทั่งถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมในวันนี้ ก่อนรับสภาพตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง
สำหรับการกระทำในครั้งนี้ทุจริตชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่าได้หลบหนีจากภูมิลำเนาที่ จ.สระบุรี มาอยู่ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ไปพบตัวอยู่กลางตลาดที่แผงขายผลไม้ จึงได้ทำการจับกุม และได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172)” ก่อนนำส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ศานุวงษ์ ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า แท้จริงแล้วการจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือน เป็นเรื่องที่ทุกคนควรที่จะช่วยกันลดขยะมูลฝอยที่ต้นทาง มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดการลด, การใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล โดยทุกภาคส่วนควรเข้าร่วมรับผิดชอบในการจัดการขยะ ซึ่งทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับทุก ๆคน ทุกหมู่บ้าน เพื่อให้การจัดการขยะนั้นมีมาตรฐาน มาตรการและเพื่อสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับชุมชน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการขยะเหล่านี้
ซึ่งในกรณีนี้ การใช้บุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ อบต. เข้าไปเก็บค่าธรรมเนียมนั้น จะนำไปสู่การเกิดช่องว่างให้กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากระบบการตรวจสอบขององค์กรไม่ดีพอ ดังนั้นประชาชนสามารถที่จะลดช่องว่างในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ได้โดยการใช้ระบบ “ท้องถิ่นดิจิทัล (DGA)” นอกจากจะเป็นการลดช่องว่างในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่แล้ว ประชาชนยังสามารถที่จะส่งหลักฐานการชำระผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการตรวจสอบสถานะการชำระได้ อีกทั้งยังได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย และไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทุจริตอยู่บนความทุกข์ร้อนของประชาชน
นอกจากนั้น จะขอเตือนพี่น้องประชาชนว่า การหนีหมายเรียก สามารถเป็นเหตุให้สันนิษฐานว่าจะหลบหนีและอาจนำไปสู่การออกหมายจับได้ หากท่านได้รับหมายเรียกไม่ว่าจะให้ไปเป็นพยาน หรือให้ไปพบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าฐานะอะไรก็ตาม ขอให้ท่านรีบแจ้งกับหน่วยงานผู้ออกหมายนั้น ๆ ให้ทราบ เพราะว่าหากเกิดการขัดขืนไม่ไปตามหมายเรียกหรือตามนัด ไม่ว่าความผิดนั้นจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ปานใด ท่านก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ดังเช่นกรณีในครั้งนี้