รรท.ผบ.ตร.ลั่นเอาผิดคนขับ-บริษัทเจ้าของรถ

View icon 1
วันที่ 2 ต.ค. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เรื่องการสอบสวนผู้ต้องหา ขณะนี้มีความคืบหน้าไประยะหนึ่ง ตอนนี้ยังอยู่ในความควบคุมที่ สภ.คูคต ส่วนการตรวจพิสูจน์รถ ขณะนี้พิสูจน์หลักฐานกับกรมการขนส่งทางบก อยู่ระหว่างร่วมกันตรวจสภาพรถว่าเป็นอย่างไร

รรท.ผบ.ตร.ลั่นเอาผิดคนขับ-บริษัทเจ้าของรถ
เบื้องต้นยืนยันว่า ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเต็มที่ทั้งตัวบุคคลและบริษัทเจ้าของรถสำหรับผลการสอบสวนและการตรวจพิสูจน์รถ นายกฯ จะนำไปสู่การวางมาตรฐานกฎเกณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะจะเน้นไปที่เรื่องเด็ก เยาวชน นักศึกษา ที่จะต้องไปทัศนศึกษา ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับเด็ก ซึ่งจะมีมาตรการ ทั้งในส่วนกรมการขนส่งทางบก ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ที่จะช่วยกันดูสภาพรถ พนักงานขับรถ บริษัทเอกชนที่ให้บริการรถสาธารณะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเคร่งครัดและวางกันในอนาคตต่อไป

สุริยะ สั่งยกระดับรถโดยสาร-เร่งตรวจสภาพใน 60 วัน
ด้าน นายสุริยะ เปิดเผยว่า 1.ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก เรียกรถโดยสารสาธารณะประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดเข้ารับการตรวจสภาพรถ จำนวน 13,426 คัน ภายใน 60 วัน 2.ให้ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง ให้เข้ารับการตรวจสภาพซึ่งถือเป็นการสังคายนารถโดยสารสาธารณะทั้งหมดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย 3.ให้กรมการขนส่งทางบก บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสถานศึกษาทั่วประเทศ ในกรณีที่จะนำรถเช่าเหมา หรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ ให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง 4.พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ต้องได้รับการอบรม และทดสอบ การเผชิญเหตุการช่วยเหลือผู้โดยสาร และ 5.จะออกกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องมีการแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเช่นเดียวกับสายการบิน

หลังจากนี้กระทรวงจะเข้าไปดูการออกแบบรถโดยสารว่า จำนวนที่นั่งเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงกรณีต้องเดินทางไกล ต้องมีคนขับรถ 2 คน ส่วนรถโดยสารสาธารณะ รถตู้ทั้งหลาย ถ้าอายุเกินจะไม่ต่อให้เด็ดขาด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกการใช้แก๊ซ NGV แต่ขอให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด เพื่อจะได้ดูว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เกิดประกายไฟและระเบิดได้ง่าย ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกเข้าไปตรวจสอบรถที่เกิดเหตุและรถที่ร่วมขบวนอยู่เพื่อจะได้นำมาออกแบบบังคับและประกาศเป็นกฎกระทรวงใช้ต่อไป