แพทองธาร น้ำตาคลอ! หลังลุยโคลนแม่สาย ถูกชาวบ้านโผกอด เล่าความอัดอั้นทั้งน้ำตา

View icon 120
วันที่ 28 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ แพทองธาร น้ำตาคลอ! หลังลุยโคลนแม่สาย ถูกชาวบ้านโผกอด เล่าความอัดอั้นทั้งน้ำตา ลั่นภายใน 45 วันทุกอย่างต้องกลับสู่สภาพเดิม ชาวบ้านเข้าอยู่อาศัยได้ ขณะที่ไร้เงา ผู้ว่าฯ เชียงราย ร่วมคณะลงพื้นที่ ทำ "อนุทิน" ไม่พอใจหนัก

28 ก.ย. 67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์ และติดตามการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ หลังจากเหตุการณ์อุทกภัย ณ บ้านเกาะทราย ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังรายงานสถานการณ์ ที่ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จากเจ้าหน้าที่ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ต.ค. พื้นที่ส่วนกลาง, ถนนใหญ่ 24 สายจะเสร็จหมด แต่อาจจะต้องกลับมาเคลียร์อีกครั้งหนึ่ง ส่วนพื้นที่ อ.แม่สาย ทั้งหมด ขอเวลาอีก 45 วัน จึงจะกลับสู่สภาพเดิม ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยได้ แต่ทุกอย่างในบ้านพังหมด ซึ่งรัฐบาลจะต้องช่วยเยียวยาในเรื่องนี้ และอาจจะมีบางบ้านที่หายไปเลย อันนั้นคือ หนัก โดยหากดูตามกฎหมายก็จะได้รับการชดเชยมากพอสมควร เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับไปดูต่อ ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ใน อ.เมือง แม้จะโดนช้ากว่า อ.แม่สาย แต่ก็หนักเช่นกัน

ดังนั้นเครื่องจักรหนักและเล็ก ถ้าที่ อ.แม่สาย เพียงพอแล้วก็ต้องขนไปช่วยที่ อ.เมือง โดยจากนี้จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาว่า เพียงพอหรือไม่ เนื่องจากไม่ให้เกิดการขนอยากขนย้ายไปแล้ว และทำให้อำเภอแม่สายขาดอุปกรณ์ เพราะอยากให้ที่แม่สายจบเช่นกัน 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นรถบรรทุกทหาร (จีเอ็มซี) เพื่อเข้าไปพื้นที่ บ้านเกาะทราย ซอย 1 รับฟังแผนการดำเนินงานการฟื้นฟู กำจัดดินโคลนจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพไทย ที่รับผิดชอบประมาณ 145 ไร่ กว่า 1,000 ครัวเรือน ซึ่งการดำเนินการภารกิจแรกคือ การเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนสามารถสัญจรเข้าบ้านได้ ซึ่งกว่า 90% ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว

ส่วนภารกิจที่ 2 คือ การเข้าฟื้นฟูบ้านประชาชน  ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วกว่า 65%

ภารกิจที่ 3 คือ การเข้าช่วยเหลือจากนักเรียนช่างฝีมือทหาร ในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์

ภารกิจที่ 4 สารวัตรทหาร ร่วมกับตำรวจในพื้นที่ในการควบคุมการจราจร และดูแลความปลอดภัยในช่วงยามวิกาล  และภารกิจที่ 5 คือการดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล 

ภายหลังนายกฯ ได้รับฟังรายงานสรุป แผนการดำเนินงาน นายกฯ เดินเท้าลุยโคลน เพื่อเยี่ยมเยียน พบปะชาวบ้านเกาะทราย ซอย 1 เพื่อให้กำลังใจ

ขณะเดียวกันช่วงหนึ่งที่นายกฯ ได้เข้าไปเยี่ยมบ้านประชาชน ได้มีคุณยายเจ้าของบ้านคนหนึ่ง เข้ามาสวมกอดนายกฯ พร้อมกับร้องไห้ เล่าถึงความทุกข์ยากที่พบเจอ ทำให้ช่วงนี้นายกฯ ถึงกับน้ำตาคลอ พร้อมกับเอามือไปปลอบเจ้าของบ้าน

นอกจากนี้ ยังมีคุณลุงท่านหนึ่ง ได้เดินมาหานายกฯ ที่นั่งอยู่ระหว่างนั่งอยู่บนรถทหาร จีเอ็มซี โดยคุณลุงถึงกับน้ำตาคลอ นายกฯ จึงได้เข้าไปจับมือให้กำลังใจ พร้อมระบุว่า เป็นกำลังกำลังใจให้ทุกคนขอให้สู้ ๆ ซึ่งขณะนี้กองทัพ และอุปกรณ์เครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องจักรทุกอย่างยังอยู่ในพื้นที่ช่วยเหลือ จนกว่าเข้าสู่ภาวะปกติ ยืนยันว่า ไม่ต้องห่วง

ขณะที่อีกช่วงหนึ่ง นายกฯ ได้เข้าไปเยี่ยมคุณยายตาล หงศ์คำ อายุ 80 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคุณยายถึงกับร้องไห้โฮ และยกมือไหว้ท่วมหัว หลังจากได้เจอนายกฯ พร้อมกล่าวว่า ไม่คิดว่าชีวิตยายจะได้เจอกับนายกฯ ซึ่ง นายกฯ ได้สอบถามถึงอาการป่วย และแพทย์ที่เข้ามาดูแล และจ่ายยาให้กับคุณยายถึงบ้าน เนื่องจากไม่ยอมออกจากบ้านตั้งแต่เกิดเหตุการณ์

นายกฯ กล่าวว่า “ให้กำลังใจยายนะ ไม่เป็นไรทุกคนเข้ามาช่วยทั้งหมด และขอยืนยันว่า เท่าที่พูดคุยกับทหารจะไม่มีใครออกจากพื้นที่ จะดูให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน และเร่งทำงาน อีกทั้งรัฐบาลดูแลเรื่องของการจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งเงินมาถึงมืออย่างแน่นอน“ พร้อมให้กำลังใจและขอให้คุณยายทานยาอย่างต่อเนื่อง และชมว่าอายุขณะนี้ถือว่าเก่งแล้วที่ยังแข็งแรงอยู่ พร้อมเตือนว่าที่เป็นโรคความดันและเบาหวานผลไม้ก็มีน้ำตาลเยอะขอให้ระวัง นายกฯยังมอบยารักษาโรคประจำตัวให้คุณยาย

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้พบกับ “โค้ชเอก” นายเอกพล จันทะวงษ์ ของทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี ที่ต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ และฟื้นฟูจิตใจ เด็กและเยาวชนในชุมชนผู้ประสบภัย และช่วงปิดภาคเรียนนี้ ขอให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนเยาวชนได้เป็นจิตอาสา หรือมีรายได้พิเศษจากการทำงาน

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ชุมชนบ้านเกาะทราย พบว่ามีเครื่องจักรอุปกรณ์จากบ้านโครงการบ้านแสนสิริ ที่ส่งความช่วยเหลือมาจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมปฎิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพไทยด้วย

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในการลงพื้นที่ 2 ที่ จ.เชียงราย โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในขณะนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้เดินทางร่วมคณะแต่อย่างใด มีเพียงผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายอำเภอแม่สาย สส. ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติเท่านั้น โดยมีรายงานว่าสร้างความไม่พอใจให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นอย่างมาก โดยมีการกล่าวกับคนใกล้ชิดว่า แม้จะใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อนก็ควรที่จะปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ก่อน