หนุ่มปาเจโร่หัวร้อน ชักปืนไล่ยิงวินจยย. หนีตายกระโดดลงคูน้ำ ก่อนเดินลงไปยิงซ้ำ

View icon 967
วันที่ 17 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ระทึก! หนุ่มปาเจโร่หัวร้อน ชักปืนไล่ยิง วินจยย. ต้องกระโดดลงคูน้ำหนีตาย แต่ยังไม่หนำใจเดินตามไปยิงซ้ำ ต่อหน้านักเรียนสาวที่มาด้วยกัน
    
17 ก.ย. 67 เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจสภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี พร้อมอาสากู้ภัยเข้าตรวจสอบ หลังรับแจ้งมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บอยู่ในคูน้ำข้างทาง ถนนแก้วอินทร์ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ในที่เกิดเหตุเป็นคูน้ำข้างทางใกล้กับหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่

ที่เกิดเหตุพบพลเมืองดีช่วยกันนำตัวขึ้นมาจากคูน้ำ เป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง ทราบชื่อคือนายอรรถพล อายุ 32 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด เข้าบริเวณกลางหลัง 2 นัด และที่ขาขวา 1 นัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ข่วยกันปฐมพยาบาลในเบื้องต้นก่อนนำตัวส่ง รพ.บางใหญ่ โดยพบว่าคนเจ็บอาการปลอดภัยเนื่องจากกระสุนไม่ถูกจุดหรืออวัยวะที่สำคัญในร่างกาย ทางแพทย์ได้เร่งผ่าตัดช่วยเหลือเอาหัวกระสุนออก

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พบร่องรอยหญ้าริมคูน้ำที่คนเจ็บหนีตายลงไป ส่วนบนถนนพบรอยคราบเลือดและผ้าก๊อตทำแผลตกอยู่ที่พื้นหญ้า ในขณะที่บนถนนพบรอยสีสเปรย์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฉีดล้อมวงกลมวัตถุพยานซึ่งเป็นปลอกกระสุนปืนเอาไว้

โดยกล้องวงจรปิดที่บันทึกเสียงปืนที่คนก่อเหตุยิงไว้ได้จำนวนหลายนัด และวงจรปิดหลังผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่แล้วขับรถหลบหนี

นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอขณะชายคนขับรถยนต์ปาเจโร ถืออาวุธปืนเดินจากรถไปก่อเหตุ ซึ่งขณะนั้นมีเด็กนักเรียนหญิงที่มากับชายคนยิงยืนอยู่ด้วย หลังก่อเหตุทั้ง 2 ได้เดินขึ้นรถขับออกไป

จากการสอบถาม พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์และเข้าไปข่วยเหลือคนเจ็บขึ้นจากคูน้ำ ให้เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด ก็เลยเดินออกไปดูเห็นคนยิงปืนลงไปในน้ำแต่ตนไม่รู้ว่าเขายิงอะไร พอดีหลานขี่รถจักรยานยนต์มาบอกว่าเห็นคนโดนยิง ตนก็เลยออกไปช่วยคนถูกยิงขึ้นมาจากน้ำ โดยได้ยินเสียงคนที่ยิงตะโกนด่าทอด้วย ในระหว่างที่ตนเข้าไปช่วยคนถูกยิงซึ่งอยู่ในคูน้ำและพยายามตะเกียกตะกายจะขึ้นมาจากน้ำ ตนก็ไปช่วยเขา ซึ่งตนเห็นว่าเขาโดนยิงด้านหลัง 2 นัดแล้วที่ขาขวาอีก 1 นัด เป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งเขาน่าจะมีเรื่องกันกับคนก่อเหตุมาก่อน

ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวคนก่อเหตุแล้ว โดยติดต่อประสานให้ผู้ก่อเหตุมาเข้ามอบตัว หากไม่มาพบก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการออกหมายจับกุมตัวต่อไป