หนีตายจากปอยเปต หนุ่มขับแบคโฮ ถูกหลอกทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์

View icon 115
วันที่ 16 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มขับแบคโฮ หวังเปลี่ยนงานเป็นแอดมินฝั่งปอยเปต รายได้ดี อาหาร 3 มื้อ สุดท้ายหลอกทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้งานหนักเกินเวลา หนีตายออกมาเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายหน้า

วันนี้ (16 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายวรุต หรือออฟ อายุ 35 ปี อดีตพนักงานขับรถแบคโฮ ไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ขอให้ช่วยติดตามคนที่หลอกตนเองไปทำงานฝั่งปอยเปตประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายหน้าอ้างว่าจะให้เงินเดือน ๆ ละ 20,000 บาท เพื่อไปทำหน้าที่เป็นแอดมินคอยบริการ ตนเห็นว่ารายได้ดี จึงเดินทางไปทำงานตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.67 แต่ปรากฏว่ากลับถูกทรมาน ทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงตี 3 ตี 4 เมื่อดื้อรั้นก็ถูกจับก้อนผม, กระบองตี, ช็อตด้วยไฟฟ้า 

นายออฟ เล่าว่า มีนายหน้าหญิงชื่อบี อายุ 40 ปี ติดต่อชักชวนให้ตนไปทำงานที่ฝั่งปอยเปต ประเทศเพื่อนบ้านตรงข้ามตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ให้เงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท อาหารครบ 3 มื้อ ทำงาน 8:00 - 17:00 น. ตนเห็นว่า เป็นงานดีไม่เหนื่อยมาก จึงตอบตกลง กระทั่งถึงวันเดินทาง 25 ส.ค.67 มีรถแท็กซี่ขับมารับตน เมื่อขึ้นรถก็พบคนในรถอีก 3 คน รวมตนเป็น 4 คน พอถึงตลาดโรงเกลือมีนายทุนคนจีนขับรถพาพวกตนทั้ง 4 คนลงโฟมลอยน้ำ ใช้เชือกดึงข้ามไปยังฝั่งปอยเปต ซึ่งที่นั่นเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เนื้อที่กว้างขวางล้อมรอบด้วยลวดหนาม มีคนไทย คนอินเดีย และนายทุนจีนสีเทาอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมาก

ตนกับเพื่อน ๆ ถูกใช้งานเกินเวลาที่ตกลงกันไว้ ทุกคนจะถูกยึดโทรศัพท์ และเอกสารหลักฐานในตัวทั้งหมด เมื่อรู้ว่าถูกหลอกมาทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนกับเพื่อนคนไทยกว่า 20 คน อาศัยช่วงจังหวะของคืนวันที่ 11 ก.ย.67 เวลา 22.00 น. ปีนกำแพงลวดหนามหนีตายออกมาแบบไม่คิดชีวิต ช่วงนั้น รปภ. ของกลุ่มจีนสีเทาพบเห็นใช้ไฟฉายสปอร์ตไลต์ส่องใส่พวกตน  กลุ่มที่หนีทั้งหมดต่างแยกกันหนีตายแบบตัวใครตัวมัน ตนมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านชาวเขมรซึ่งเป็นผัวเมียสูงอายุ พาตนมาที่ริมแนวเขตชายแดน ซึ่งเป็นคลองเล็ก ๆ เต็มไปด้วยขี้เลนน้ำเน่า ตนต้องฝืนใจว่ายน้ำข้ามมาจนมาถึงฝั่งโรงซักตลาดโรงเกลือฝั่งไทย ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จนได้นั่งรถมาลงฟิวเจอร์พาร์ค และเดินเท้าเรื่อยมาจนถึง สภ.เมืองนนทบุรี ในคืนนี้ โดยตนจะมาหาน้าชายที่คอนโดย่าน ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เพราะคิดว่าน่าจะใกล้กว่า และตนไม่มีโทรศัพท์เอกสารใด ๆ ในตัว เนื่องจากถูกยึดไปหมด และก็ไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ กว่า 20 คน ที่หนีกันมาในกลุ่มมีผู้หญิง 3 คนจะเป็นอย่างไรบ้าง รอดเงื้อมมือหรือถูกจับกลับไปก็ไม่รู้

ส่วนตนถือว่าโชคดีที่หลบหนีมาได้ และเดินเท้าเพื่อจะมาหาน้าชาย ซึ่งทำงานอยู่ในกระทรวงแห่งหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดลพบุรี ส่วนเรื่องคดีก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ถูกหลอกไปทำงาน ตนสามารถพาไปชี้จุด เพราะจำสถานที่ได้อย่างแม่นยำ ไม่อยากให้เพื่อน ๆ คนไทยถูก หลอกไปเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์