ปลัด มท. ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมเชียงราย พบอุปสรรคกระแสน้ำแรง บางจุดเข้าพื้นที่ไม่ได้ ชี้ หนักสุดในรอบ 80 ปี

View icon 838
วันที่ 11 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ปลัด มท. ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมเชียงราย พบอุปสรรคกระแสน้ำแรง บางจุดเข้าพื้นที่ไม่ได้ ชี้ หนักสุดในรอบ 80 ปี ยัน ระบบเตือนภัยได้ผล เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนให้ย้ายออกแล้ว คาดคลี่คลายใน 5 วัน หากไม่มีพายุลูกใหม่

วันนี้ (11 ก.ย.67) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยได้รับฟังสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน จึงทราบว่าน้ำเข้าท่วมพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย รอบที่ 8 แล้ว และครั้งล่าสุดนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 80 ปี ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นบริเวณกว้าง ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประสานทุกกองทัพให้การช่วยเหลือ

ทำให้มีเครื่องมือช่วยเหลือถูกส่งลงไปเป็นจำนวนมาก แต่ยังคงมีปัญหาหลักคือกระแสน้ำที่ยังไหลเชี่ยวกราก ทำให้ประชาชนที่ติดค้างอยู่ตามอาคารต่าง ๆ ยังคงยากลำบาก แต่ร้อยละ 80 สามารถออกจากจุดน้ำท่วมได้แล้ว และส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่ที่วัดพรหมวิหาร อ.แม่สาย ซึ่งเจ้าอาวาสวัดอนุญาตให้เป็นสถานที่พักพิง มีจำนวนกว่า 100 คนแล้ว รวมทั้งมีโรงแรม รีสอร์ต ฯลฯ หลายแห่ง อนุญาตให้เป็นศูนย์พักพิงหรือไปอยู่กับญาติอีกประมาณ 800 คน แต่ตัวเลขที่ชัดเจนจะต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะทยอยเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยออกมาจากจุดน้ำท่วมเรื่อยๆ แต่ยังมีปัญหากรณีผู้ป่วยติดเตียงและอื่นๆ ทำให้ยังคงพยายามกันอยู่ และส่งเครื่องไม้เครื่องมือลงไปยังพื้นที่เรื่อยๆ โดย พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปประชุมหารือด้วยตัวเอง มีทหารทุกเหล่าทัพเข้าช่วยในทุกเรื่อง ส่วนเรื่องอาหารและน้ำดื่มมีการจัดเตรียมปรุงสำเร็จไว้เป็นจำนวนมาก โดยอาสากู้ภัยต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ก็พยายามนำเข้าไปจัดส่งให้ประชาชนอยู่ กระนั้นสถานการณ์คาดหวังว่าจะคลี่คลาย เพราะน้ำได้ลดลงแล้ว และมีฝนตกลงมาน้อยกว่าทุกวัน หากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาคาดว่าภายใน 5 วัน สถานการณ์จะคลี่คลาย และจะได้ช่วยกันทำความสะอาดครั้งใหญ่ สำรวจความเสียหายต่อไป

ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวอีกว่า ระบบเตือนภัยได้ผล แต่ที่อำเภอแม่สายเกิดน้ำท่วมมาแล้วถึง 7 ครั้ง ตนได้สอบถามพี่น้องประชาชนที่วัดพรหมวิหารก็ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งเตือนแล้วให้ย้ายออกไป แต่เนื่องจากเกิดน้ำท่วมมาแล้ว 7 ครั้ง จึงเกิดความคุ้นเคยว่าจะลดลงอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าครั้งนี้ปริมาณน้ำมีมากและพนังกั้นน้ำพัง ทำให้น้ำทะลักไปรวมกันภายในช่องแคบที่เป็นซอยที่มีอาคารพาณิชย์ ตึก บ้านเรือน ฯลฯ ร้อยละ 95 ที่สร้างกลายเป็นพนังกำแพง ส่งผลให้กระแสน้ำแรงมากในรอบ 80 ปีดังกล่าว

"จากการประชุมประเมินผลตั้งแต่เมื่อวานจนถึงกลางวันวันนี้ พบว่าปัญหาอุปสรรคคือกระแสน้ำยังแรงมาก เครื่องไม้เครื่องมือที่มีคือเรือท้องแบน เรือยาง รถจีเอ็มซี ซึ่งพบว่ากรณีรถจีเอ็มซีของกองทัพที่สูงเข้าได้เฉพาะหมู่บ้านปิยะพร นอกจากนั้น อีก 4 จุดรถเข้าไม่ได้เลย ทั้งสายลมจอย หัวฝาย ฯลฯ ถึงวันนี้ก็ยังเข้าไม่ถึง อย่างลุงที่ติดอยู่บนหลังคาเต้นท์สีแดงเจ็ทสกีของกรมเจ้าท่า ทหาร ปภ.สู้ไม่ไหวถึงขนาดเรือล่มเลย โชคดีที่มูลนิธิกันจอมพลัง ประสานกับเจ็ทสกีโลกเข้าไปช่วยออกมาได้ นี่เล่าเป็นตัวอย่างว่าทุกคนอยากเข้าไปช่วย แต่คนที่จะเข้าไปช่วยอาจไม่ปลอดภัย เช่น เรือล่ม ผมก็ต้องกราบขออภัยด้วย" นายสุทธิพงษ์ กล่าวและว่า ขณะนี้ทหารได้นำเฮลิคอปเตอร์จำนวน 3 ลำ บินตรวจตรา ซึ่งทำได้จำกัด เพราะบางช่วงอากาศปิด แต่ก็จะมีทหารเป็นกำลังหลักในการพาหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ หน่วยกู้ภัย เข้าไปช่วยเหลือประชาชนเป็นจุด ๆ ไป โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ใช้ความรู้ทางยุทธการในการวางแผนปฏิบัติการต่อไป