สามีชาวจีนสุดช้ำ ร้องทนายตั้ม ถูกภรรยาชาวไทยสวมเขา ออกอุบายหย่าลงเล่นการเมืองพรรคดัง กวาดทรัพย์สินนับร้อยล้านเปย์ชายชู้

View icon 409
วันที่ 11 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (11 ก.ย. 67) เมื่อเวลา 10.00 น. หนุ่มชาวจีนเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หลัง ถูกภรรยาชาวไทย ที่สร้างครอบครัว มีลูกด้วยกัน หลอกหย่า ฮุบสมบัตินับร้อยล้าน โดยแอบไปมีชู้ หอบเงินเปย์ชู้ ทิ้งลูก ทิ้งสามี โยกทรัพย์เป็นชื่อตัวเอง

นายเคน ผู้เสียหายชาวจีน เปิดเผยว่า ได้แต่งงานกับภรรยาซึ่งเป็นคนไทย โดยคบหากัน 7 ปี ก่อนจะจดทะเบียนสมรสได้ 3 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นผู้ชายอายุ 2 ขวบ ต่อมาเมื่อเดือน มิ.ย. 67 ตนกลับไปที่ประเทศจีน ภรรยาของตนเริ่มทยอยขนทรัพย์สมบัติที่หามาด้วยกันออกจากบ้านที่ประเทศไทย พอตนบินกลับมาที่ไทย ก็มีการทะเลาะกัน มีปากเสียงกัน เรื่องที่ภรรยาขนของออกจากบ้าน และภรรยาเริ่มไม่กลับมานอนที่บ้าน ขณะเดียวกันตนจำเป็นต้องบินกลับประเทศจีนบ่อยครั้ง ทุกครั้งที่กลับมาก็จะมีทรัพย์สมบัติหายไป จำได้ว่าเงินสดตนเก็บไว้ในตู้เซฟ มี 13 ล้านบาท ทุกครั้งที่บินกลับมาประเทศไทย เงินก็จะหายไปเรื่อย ๆ

จากนั้นเดือน ก.ค. 67 ตนและภรรยากลับมาพูดคุยกันดี แต่ภรรยาได้ขอให้ตนเซ็นใบหย่าให้ โดยให้เหตุผลว่าจะไปสมัครเป็นนักการเมือง ซึ่งจะไปลงสมัคร สส. หากมีสถานะแต่งงานกับชาวจีน จะไม่สามารถลงสมัครเป็นนักการเมืองได้ แต่ยังคงสถานะสามีภรรยา ตนจึงยอมตกลงไปเซ็นใบหย่าที่สำนักงานเขต หลังจากนั้นภรรยาตนก็เริ่มขนทรัพย์สินออกจากบ้านอีก ทำให้ตนเริ่มสงสัย แต่ก็ยังไม่กล้าถาม

นายเคน บอกอีกว่า เวลาที่ทะเลาะกันทุกครั้ง ภรรยาตนจะขู่ว่า จะไล่ตนกลับประเทศจีน ทั้ง ๆ ที่ตนมีบัตรประชาชนประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาตนซื้อทรัพย์สินร่วมกันภายใต้ชื่อภรรยา ทำให้แม่ของตนเกิดความเครียด กลัวว่าภรรยาจะเอาทุกอย่างไป และไล่ตนกับแม่กลับประเทศจีน โดยแม่ของตนมีธุรกิจครอบครัว เปิดโรงพยาบาลที่ประเทศจีน โดยแม่ของตนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงทำให้เขาตกใจมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะเป็นคนต่างชาติมาอาศัยในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ก็เริ่มหนักขึ้น เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 67 ภรรยาขนทรัพย์สินแทบจะทุกอย่างออกจากบ้าน แม้กระทั่งเหล้า ตนจึงถามว่าจะขนของไปไหน ภรรยาบอกว่าจะเอาเสื้อผ้าไปซัก พอตนเดินไปดูที่ตะกร้าผ้า กลับพบนาฬิกาของตน ซึ่งตนและภรรยาซื้อด้วยกัน เป็นนาฬิกาหรูหลายเรือน พอตนจึงไม่ยอมอีกต่อไป จึงเกิดการทะเลาะกันเกิดขึ้น ขณะเดียวกันแม่ของตนอุ้มหลานออกมา ไม่นานก็มีรถ ทะเบียน 2 ชฟ 7777 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาที่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นมีผู้ชายเดินลงมากระชากของใส่รถของภรรยาตนที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตอนนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เลยถามเขากลับว่าเขาคือใคร แต่เขาไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และก็รีบขึ้นรถคนละคันกับภรรยาตน จากนั้นพยายามขับรถหนี ส่วนตนพยายามเดินไปขวางรถ แต่ชายคนดังกล่าวขับรถกระแทกที่ขาของตนแล้วถอยกลับขับหนีออกไป

นายเคน บอกต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนเริ่มสงสัยว่าชายคนนั้นคือใคร จึงสืบหาตัว ก่อนทราบชื่อภายหลัง และ ทำธุรกิจเปิดโรงเรียนการบินสอนขับระยะสั้น และเคยมาที่หมู่บ้านตน 2-3 ครั้ง เพราะแม่ของตนเคยเห็นว่าชายคนดังกล่าวขับรถมารอบริเวณหน้าบ้าน รวมถึง เจ้าหน้าที่ รปภ. บอกว่าที่ให้เข้ามา เพราะเขาแจ้งว่าเป็นเจ้าของบ้านของตน นอกจากนี้ยังรู้อีกว่าชายคนดังกล่าวเป็นชู้กับภรรยาของตน มีการคบหากัน ไปพักอาศัยด้วยกันที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ซึ่งคอนโดเป็นทรัพย์สินของตน ถือว่าเป็นการหยามศักดิ์ศรีของตนเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันยังพบภาพถ่ายต่าง ๆ ที่เขาไปไหนมาไหนด้วยกัน พากันไปซื้อรถใหม่ ทุกครั้งที่ภรรยากลับมาบ้านก็มีการต่อสายคุยกัน แจ้งความเคลื่อนไหวในบ้าน

หลังจากที่ทะเลาะกัน ตนถามว่าจะคืนของให้ตนและลูกหรือไม่ ให้มีชีวิตที่สงบสุขได้ไหม แต่ภรรยาไม่ยอม ตนไม่รู้จักใครในเมืองไทย จึงมาขอความช่วยเหลือจาก นายษิทรา เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งพ่อของตนก็ทำงานในรัฐบาลที่จีน จึงมีความกังวลใจ แต่ตนรักเมืองไทย อยากขอความเป็นธรรมให้ตนและลูกด้วย เพราะภรรยาหลอกตน เอาทรัพย์สินไปเป็นชื่อเขาทั้งหมด โยกทรัพย์ไปในชื่อต่าง ๆ จึงร้องขอความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ด้าน นายษิทรา กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับฟังเรื่องราวของสามีชาวจีน โดย หญิงไทย อ้างว่าจะไปลงเล่นการเมือง เนื่องจากสนิทสนมกับคนในพรรคการเมืองสีน้ำเงิน แต่จำเป็นต้องทำเรื่องหย่ากับสามีก่อน เพราะจะไม่สามารถลงเล่นการเมืองได้ แต่ให้สัญญาว่าทุกอย่างจะเป็นครอบครัวเหมือนเดิม สามีชาวจีนจึงยอมหย่าด้วย แต่สุดท้ายกลับแอบไปมีชู้ หอบเงินเปย์ชู้ ทิ้งลูก ทิ้งสามี โยกทรัพย์เป็นชื่อตัวเอง นายเคนจึงเข้ามาปรึกษาตน ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง

เบื้องต้นตนได้ให้ดำเนินการเรื่องของการเช็กการเดินบัญชีของภรรยา และครอบครัว ว่ามีการโอนเงินไปที่ไหนบ้าง และจะพานายเคนไปดำเนินคดีเรื่องของการลักทรัพย์ ดำเนินการเรื่องทรัพย์สินที่เอาไป และดูว่าเหตุดังกล่าวเข้าข่ายเรื่องของการร่วมกันลักทรัพย์ด้วยหรือไม่ เพราะวันที่เอาทรัพย์สินออกจากบ้าน ชายชู้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งนายเคนมีสิทธิ์ที่จะฟ้องแบ่งสินสมรส และทรัพย์สินที่ภรรยาได้เอาไป เพื่อเอาทรัพย์สินคืนมาทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามให้นายเคนเช็กรายการทรัพย์สินต่าง ๆมา เพื่อที่จะดูว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างที่ถูกฝ่ายหญิงเอาไป

ขณะที่แม่ของนายเคน ร้องไห้ ทุกข์ใจที่เห็นลูกชายถูกสาวไทยหลอก พร้อมบอกสื่อว่า ครอบครัวของเคนเป็นคนมีหน้ามีตาในจีน ญาติทำงานในวงการการเมืองจีน ไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้ ตระกูลเขาไม่เคยโดนเอาเปรียบแบบนี้มาก่อน วันนี้ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด และเชื่อว่ากฎหมายมีไว้ปกป้องคนดี ไม่อยากได้สะใภ้นิสัยแบบนี้กลับมาอีกแล้ว คนแบบนี้เป็นแม่คนได้อย่างไร