นายกฯ อิ๊งค์ ถือฤกษ์วันมังกร 13 ก.ย. เข้าทำเนียบฯ

View icon 72
วันที่ 9 ก.ย. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว สำหรับ นางสาวแพทองธาร ในการเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยถือฤกษ์วันมังกร 13 กันยายน เข้าทำเนียบรัฐบาลสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนวันนี้ ยังคงเข้าปฏิบัติงานที่อาคารชินวัตร 3 

ช่วงเช้าวันนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงร่างนโยบายของรัฐบาล ก่อนเดินขึ้นลิฟต์ไปห้องทำงานด้านบนทันที

ส่วนช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ เวลา 19.00 น. พรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพพิธีสวดพระอภิธรรม นายวิบูลย์ สำเร็จวาณิชย์ บิดาของ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยนางสาวแพทองธารจะเป็นประธานในพิธี ที่วัดปลูกศรัทธา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธารจะยังคงไม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น ทั้งนี้ มีรายงานว่า นางสาวแพทองธารจะถือฤกษ์วันที่ 13 กันยายน เวลา 07.30 น. เข้าสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า และสักการะศาลพระภูมิ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งวันดังกล่าวของไทย ถือเป็นวันโชคดีที่สุด (ดิถีสิทธิโชค) ขณะที่ทางโหราศาสตร์จีน วันดังกล่าวถือเป็นวันมังกร ฤกษ์ดีจะอยู่ช่วงเวลา 07.00-09.00 น.

จากนั้นวันที่ 16 กันยายน นายกรัฐมนตรีจะเข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนัดแรก ในวันที่ 17 กันยายน ซึ่งในที่ประชุมจะมีการพิจารณาตำแหน่งข้าราชการทางการเมืองทั้งหมด โดยระหว่างนี้ นายกรัฐมนตรีจะยังคงปฏิบัติภารกิจโดยใช้ห้องทำงานที่อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดี

ขณะที่ นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง ในฐานะประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิต และอดีต สว. กล่าวว่า ตามตำราโหราศาสตร์จีน วันศุกร์ที่ 13 กันยายน เป็นวันมังกร และในเวลา 07.30 น. ถือเป็นฤกษ์มังกร และปีนี้ก็เป็นปีมังกร แต่มองว่า เดือนนี้อาจจะไม่ดีสำหรับผู้หญิง เข้าใจว่าคงจะมีซินแสดูฤกษ์ดูยามให้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว จึงเลือกใช้ฤกษ์มังกรนี้ ส่วนตัวมองว่า เป็นฤกษ์ดี ใช้ได้ แต่ยังไม่ครบ ต้องมีเรื่องฮวงจุ้ยมาประกอบด้วย แต่ที่สำคัญปีนี้ นางสาวแพทองธารอายุเข้าเคราะห์เดือนนี้ จึงเป็นเดือนที่วุ่นวาย และจะพ้นเคราะห์ในเดือนพฤศจิกายน ประกอบกับนายทักษิณ ก็ดวงเข้าเคราะห์ด้วย จึงทำให้เหนื่อยและวุ่นวายหน่อย

มีคนเข้าก็ต้องมีคนออก เพราะวันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเคลื่อนย้ายตู้ปลามังกรทอง และชุดโซฟา ที่ห้องทำงานของ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอยู่ชั้นล่าง ภายในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งปลามังกรทองตัวดังกล่าว ถือว่าเป็นของรักของหวงของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ได้นำขึ้นไปเลี้ยงบนห้องทำงาน แต่ภายหลังพ้นจากตำแหน่ง ได้ย้ายลงที่ห้องทำงานของ พลตำรวจเอก พัชรวาท ซึ่งเป็นน้องชายเลี้ยงต่อ เป็นการย้ายในวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งเป็นวันที่คนไทยเชื่อว่าเป็นวันที่ดี โดยเจ้าหน้าที่ ระบุเพียงสั้น ๆ ว่า ปลามังกรทองตัวดังกล่าวอายุ 4-5 ปี ซึ่งมีการแจ้งว่า ให้นำปลาตัวดังกล่าวไปส่งไว้ที่ซอยสามเสน 18 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามความเชื่อของผู้ที่เลี้ยงปลามังกรทอง เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมสร้างบารมีและความน่าเกรงขาม นำโชคลาภและเงินทอง เสริมดวงเสริมบารมี ผู้เลี้ยงเหมาะสำหรับนักธุรกิจ หรือนักการเมือง

ขณะที่ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก เป็นภาพที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่งหัวโต๊ะ ระหว่างที่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ณ เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท และมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่งอยู่ด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา

โดยนายแพทย์วรงค์ระบุข้อความว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 185 ห้าม สส. เข้าไปแทรกแซงการปฏิบัติราชการ คุณทำแบบนี้ยิ่งกว่าแทรกแซง ที่สำคัญ สิ่งที่พวกคุณทำในที่สาธารณะ มีข้าราชการมาต้อนรับ นอกจากขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 แล้ว คุณกำลังเป็นผู้ทำลายฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบอบประชาธิปไตย มันสะท้อนว่ามีคนที่ใหญ่กว่ารัฐมนตรีในกระทรวงนี้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของ ร้อยเอก ธรรมนัส ยังไม่มีการย้ายของใด ๆ ออก โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยเอก ธรรมนัส ยังคงเดินทางเข้ากระทรวงปกติ หลังจากนี้ก็ต้องรอดูทาง ร้อยเอก ธรรมนัส ชี้แจงกันต่อไป