ตร.ท่องเที่ยวพัทยา รวบหนุ่มอินเดีย มาไทยวันแรก ก่อเหตุลักแบตฯกล้องเพื่อนร่วมชาติ หลังก่อเหตุเดินเล่นสุดชิลในวอร์คกิ้งสตรีท
เมื่อเวลา 05.19 น.วันที่ 5 กันยายน 2567 พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกันจับกุม MR.ABHISHEK อายุ 29 ปี สัญชาติอินเดีย และ MR.AKASH อายุ 28 ปี สัญชาติอินเดีย หลังผู้เสียหายคือ MR.SHAIK อายุ 34 ปี สัญชาติอินเดีย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ. เมืองพัทยา ว่าถูกคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์เป็นแบตเตอรี่สำรองสำหรับใส่กล้องไป เหตุเกิดที่วอล์กกิงสตรีท เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ MR.SHAIKอายุ 34 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้เสียหายได้เข้าไปใช้บริการ ในร้านกัญชาที่เกิดเหตุ แล้ววางแบตเตอรี่สำรองกล้องไว้บนโซฟา ระหว่างที่กำลังเลือกซื้อสินค้าอยู่นั้น ได้มีนักท่องเที่ยวสัญชาติเดียวกัน 3 คน เข้ามาใช้บริการภายในร้านเดียวกัน แต่ผู้ก่อเหตุสังเกตุเห็นว่ามีทรัพย์สินวางอยู่บนโซฟา ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนจึงทำทีไปนั่ง โดยคนอ้วนนั่งทับ แล้วให้คนผอมสอดมือเข้าไปหยิบใส่กระเป๋า แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังตีเนียนด้วยการนั่งเล่น ก่อนทยอยลุกออกจากร้าน แล้วไปเดินเล่นท่องเที่ยวภายในถนนคนเดินWalking street อย่างสบายใจ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาซึ่งประจำจุดดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอยู่ภายในถนนคนเดิน รับแจ้งประสานจากสภ.เมืองพัทยาว่ามีทั้งท่องเที่ยวถูกก่อเหตุลักทรัพย์ไป ไม่รอช้ารีบนำกำลังไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทั้งในร้าน และ ตลอดเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย จนกระทั่งพบว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหนแต่ยังคงเดินเล่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุในวอล์คกิ้งสตรีท
เมื่อผู้ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดีหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม ก็พยายามจะส่งทรัพย์สินคืนผู้เสียหาย โดยอ้างว่าหล่น อยู่บริเวณดังกล่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจท่องเที่ยว เมื่อผู้ก่อเหตุทั้งสองเห็นว่ากล้องวงจรปิดของทางร้าน สามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน จึงยอมจำนนต่อหลักฐาน รับสารภาพจนหมดเปลือก
เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองราย ซึ่งเดินทาง เข้ามาในประเทศประเทศไทยได้เพียงหนึ่งวันเท่านั้น พร้อมของกลางเป็นแบตเตอรี่สำรองสำหรับกล้อง มูลค่าประมาณ 5,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวนสภ. เมืองพัทยา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
