ตร. บุกค้นร้านเคมีภัณฑ์ ตามคำสารภาพ เอส-อาร์ท ซื้อแอลกอฮอล์ 18 แกลลอน ร้านยืนยันขายแต่เอทิลแอลกอฮอล์ 95% แกลลอนผ่าทิ้งไปแล้ว ไม่เหลือตัวอย่างให้ตรวจ ในส่วนของผู้ป่วยได้รับพิษเมทานอล อาการยังโคม่า 5 คน
ความคืบหน้าเหล้าเถื่อนซุ้มยาดองมรณะ วันนี้ (2 ก.ย.67) พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน สน.มีนบุรี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำหมายค้นเข้าตรวจค้นร้านขายเคมีภัณฑ์แห่งหนึ่ง ในตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังสืบทราบว่าเป็นร้านที่นายสุรศักดิ์ หรือเอส และนายสุรชัย หรืออาร์ท คู่พี่น้อง ผู้ต้องหาในคดี รับสารภาพว่าได้ซื้อเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นนำไปผลิตสุราเถื่อนส่งให้กับ "เจ๊ปู" นำไปปรุงเป็นยาดอง เพราะค้างชำระค่าเอทิลแอลกอฮอล์จากร้านเจ้าประจำ ย่านบางเสาธง จึงต้องเปลี่ยนมาซื้อกับร้านใหม่ จำนวน 18 แกลลอน ราคา 18,000 บาท แต่ก็ยืนยันว่าเป็นการซื้อเอทิลแอลกอฮอล์ ไม่ใช่เมทิลแอลกอฮอล์
สำหรับร้านที่เข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นร้านขายเคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดและดูแลรถ หรือคาร์แคร์ มีการสั่งซื้อสารตั้งต้นหรือหัวเชื้อจากโรงงานมาผสมเป็นน้ำยาคาร์แคร์ชนิดต่างๆ ตามสูตรของทางร้านเอง
ขณะที่คุณอีฟ เจ้าของร้าน ยอมรับว่าเคยขายเอทิลแอลกอฮอล์ 95% ให้กับผู้ต้องหาจริงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ที่เคยสั่งซื้อมาผลิตเจลล้างมือ และสเปรย์แอลกอฮอล์ขายช่วงโควิด-19 ปี 2563 จนเคยถูกกรมสรรพสามิตสั่งปรับ เพราะกักตุนแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดมาแล้ว ผ่านมาหลายปีแอลกอฮอล์ดังกล่าวยังเหลือค้างสต็อกอยู่จำนวนหนึ่ง จึงขายให้ผู้ต้องหา โดยตอนแรกผู้ต้องหามาทดลองซื้อไปก่อน 1 แกลลอน จากนั้นผู้ต้องหาก็มาซื้ออีก และล็อตสุดท้ายคือวันที่ 19 ส.ค.67 จำนวน 18 แกลลอน
คุณอีฟ บอกด้วยว่า หลังขายไปแล้วยังเหลือเอทิลแอลกอฮอล์อยู่เล็กน้อย ตนก็ได้นำไปผสมทำน้ำยาคาร์แคร์ตัวอื่น ส่วนแกลลอนบรรจุภัณฑ์ก็นำไปผ่าทิ้งแล้ว ปัจจุบันจึงไม่มีตัวอย่างเอทิลแอลกอฮอล์ดังกล่าวขายที่ร้านแล้ว เหลือเพียงหลักฐานการสั่งซื้อเท่านั้น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเก็บตัวอย่างสารเคมีทั้งหมดในร้าน รวมถึงแกลลอนบรรจุต่าง ๆ ไปตรวจพิสูจน์ทั้งหมด ว่ามีส่วนผสมของเมทิลแอลกอฮอล์หรือไม่ และจะเรียกเจ้าของร้าน รวมถึงลูกจ้างอีก 5 คนไปสอบปากคำต่อไป
สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยได้รับสารพิษเมทานอล มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 44 คน เสียชีวิต 7 คน รักษาหายแล้ว 30 คน คงเหลือผู้ป่วยระหว่างการรักษา 7 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 5 คน
