ผัวสุดทนควงพ่อตาแม่ยายร้องสายไหมต้องรอด ช่วยฟ้องชู้ เผยเท่าที่จับได้เมียมีชู้ 5 คน แถมตั้งครรภ์กับชู้คนที่ 5 เป็นผู้มีอิทธิพลมาข่มขู่

View icon 190
วันที่ 2 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (2 ก.ย. 67) นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมพ่อและแม่ภรรยา เดินทางมาร้อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังภรรยา อายุ 29 ปี นอกใจไปมีชู้ตั้งครรภ์ แถมยังเอาลูกสาวที่ตนเป็นพ่อไปอยู่ด้วย ซึ่งตนเองอยากฟ้องชู้ และขอสิทธิ์เลี้ยงดูลูกแต่เพียงผู้เดียว

นายเอ บอกว่า ตนเองคบกับภรรยา ชื่อฟ้า มาตั้งแต่ปี 2560 และจดทะเบียนสมรสกัน ปี 2562 ก่อนจะแต่งงานกันในปี 2563 ซึ่งตนเองเริ่มเห็นฟ้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ช่วงหลังจดทะเบียนสมรส ประมาณปลายปี 2562 โดยชายคนนี้เป็นคนที่รู้จักกันกับแฟนและตนเอง พอตนรู้ก็ไปคุย แต่ฟ้าบอกว่าจะเลิกยุ่งกันไป

ต่อมาปี 2563 ฟ้าคลอดลูกสาวที่มีตนเป็นพ่อช่วงเดือน สิงหาคม หลังจากนั้นฟ้าก็ขอกลับไปทำงาน ส่วนตนเองก็ออกจากงานมาเลี้ยงลูก หลังจากนั้นฟ้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จนตนเองมารู้ว่าฟ้าเริ่มมีคนอื่นอีก จึงเค้นถาม แต่ก็บอกว่าไม่มีอะไรและจบกันไปแล้ว ซึ่งตนเองยอมรับว่าเสียใจ แต่ก็อยู่เพราะลูก จนตนและฟ้าออกไปอยู่คอนโดด้วยกัน แต่ตนยังเป็นคนเลี้ยงลูกเหมือนเดิม

จากนั้นวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ตนมาทราบว่าฟ้าไปเป็นมือที่สามของครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากแฟนของชายคนดังกล่าวส่งรูปและคลิป ลักษณะกอด จูบ และนอนด้วยกัน ระหว่างฟ้ากับผู้ชายที่เป็นแฟนของเขา และภาพถุงยางอนามัย ตอนนั้นตนเองช็อกและตกใจมาก โดยมารู้อีกภายหลังว่า แฟนของชายคนดังกล่าวพยายามพูดคุยตกลงกันหลายรอบ แต่ไม่จบ จึงส่งรูปมาหาตน จากนั้นตนพยายามขอคุยแทน แต่เรื่องก็ยังไม่จบ จนเรื่องไปถึง ผอ.โรงพยาบาล ก็ได้มีการไล่ชายคนนั้นออก ยอมรับว่าตนเครียดมากถึงขั้นไปร่ำลาลูกสาว พ่อตา แม่ยาย และแม่ของตัวเอง หวังจะไปจบชีวิตที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เคราะห์ดีพ่อตา แม่ยาย และแม่ของตนมาห้ามไว้ทัน จึงกลับมาคุยกับฟ้า ว่าจะขอดูลูกและอยู่กันเพื่อลูกโดยที่จะยังไม่หย่า เพราะไม่อยากให้ลูกรู้สึกมีปัญหาครอบครัว

ต่อมาช่วงเดือนธันวาคม 2565 ฟ้าก็กลับมามีพฤติกรรมแบบเดิมอีก แต่ครั้งนี้ได้ให้ทนายความนัดมาคุย ซึ่งตนเองก็เอะใจ เพราะเสียงของทนายความคุ้นเหมือนเคยได้ยินฟ้าคุยในห้องน้ำที่คอนโด และตอนนัดคุยกันตนก็ถามจะฟ้องหย่าตนในประเด็นอะไร ฟ้าก็บอกว่าตนคุกคามทางเพศลูกสาว ซึ่งตนก็แย้งไปว่าเป็นพ่อ เลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่เด็กจนโต ทั้งอาบน้ำ และลูกเพิ่งอายุไม่กี่ขวบ ตนก็ต้องสอนวิธีการทำความสะอาดร่างกายในฐานะคนเป็นพ่อ และทำงานด้านการแพทย์ ซึ่งตนก็แย้งไป แต่กลับฟังไม่ขึ้น และฟ้าก็เอาลูกไปอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย ตนเริ่มสงสัยจึงถามว่าผู้ชายที่มามาช่วยเป็นทนายจริงหรือไม่ ฟ้าก็ยืนยันว่าเป็นทนาย แต่ตนไปหาประวัติกลับไม่พบ จึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ

กระทั่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พ่อกับแม่ของฟ้าก็เห็นว่าฟ้าพาทนายคนนี้มานอนที่บ้าน ซึ่งตนก็ตกใจ และช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดของตน ก็ยังเห็นฟ้าไปเที่ยวเมืองจีนกับชายคนที่ 5 มีการถ่ายรูปลงโซเชียลกันอย่างเปิดเผย ทั้งที่ยังไม่ได้หย่ากับตน ถึงขั้นพาลูกไปอยู่ที่บ้านของชายคนที่ 5 ซึ่งตนพยายามขอพบลูก แต่ก็ถูกกีดกัน แม้กระทั่งพ่อตา แม่ยาย ก็ถูกกีดกันไม่ให้พบหลาน

โดยฟ้ามักพูดว่าอย่ามายุ่งกับเธอและครอบครัวใหม่ แต่ด้วยความเป็นพ่อ และตายายจึงแอบไปดูหลาน ก็ถูกข่มขู่ กีดกัน อ้างรู้จักกับคนใหญ่คนโตในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายตำรวจระดับผู้กำกับสถานีตำรวจในกรุงเทพมหานคร จึงทำให้ตนเองและพ่อตาแม่ยายรู้สึกกลัวและกังวล

นายเอ บอกด้วยว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ฟ้าโทรมาหาพ่อตาแม่ยาย บอกว่าเธอและลูกสาวอายุ 4 ขวบถูกชู้คนที่ 5 ทำร้าย เนื่องจากชู้คนที่ 5 จับได้ว่าฟ้าไปมีชู้อีกค ซ้อนกัน ซึ่งเป็นชู้คนที่ 4 ที่เป็นอาจารย์หมอ ทำให้คนที่ 5 ระแวงและทำร้ายฟ้า ซึ่งตอนนี้ฟ้าก็ตั้งครรภ์กับชายคนที่ 5 ได้ 2 เดือนแล้ว

นายเอบอกอีกว่า ที่ผ่านมา ตนได้ผลกระทบเรื่องการจ่ายค่าบ้าน ที่ฟ้าไปกู้ธนาคาร มา 2.5 ล้านบาท แรก ๆยังส่งค่าบ้านปกติ หลังจากนั้นขาดการส่งค่าบ้านมา 4-5 งวด ทำให้ตนเองต้องวางเงินส่วนตัว 80,000 บาท เพื่อจ่ายค่างวดบ้าน เพราะกลัวถูกยึดบ้าน จนตอนนี้ตนไม่มีเงินจ่ายค่างวดบ้านแล้ว จะปล่อยให้ทางกฎหมายดำเนินการ โดยศาลเรียกคุยกันวันที่ 30 กันยายน นี้ เพราะฟ้าเอาเงินที่กู้และที่เหลืออยู่ ไปใช้ส่วนตัว  จึงขอให้นายเอกภพช่วยเหลือเรื่องของการฟ้องชู้ เพราะตนต้องการดูแลบุตรแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งชายคนที่ 5 มีพฤติกรรมข่มขู่ อ้างว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโต ตนกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย

ด้าน พ่อและแม่ฝ่ายหญิง บอกว่า ล่าสุดตนเองคุยกับลูกสาว ลูกสาวต้องการเลิกทั้งชายคนที่ 5 และนายเอ อยากเป็นอิสระกับทุกคน และออกมาเลี้ยงลูกคนเดียว และที่ตนเองออกมาร้องสายไหมต้องรอดพร้อมกับลูกเขย ก็เพราะสงสารหลานและสงสารลูกเขย ซึ่งไม่ทราบว่าลูกสาวไปรู้จักกับชายคนที่ 5 อย่างไร แต่เท่าที่รู้คือตอนนั้นลูกสาวอยากฟ้องหย่ากับลูกเขย จึงไปปรึกษาทนาย และหลังจากนั้นก็ไม่ทราบ และมารู้ทีหลังว่า ลูกสาวไปเที่ยวและคบหาคนคนที่เป็นทนายความ และออกไปอยู่ด้วยกัน แล้วกีดกันทุกคนไม่ให้ไปยุ่ง บอกอย่ายุ่งกับครอบครัวใหม่ของเธอ และไม่ให้เจอกับหลาน ตนในฐานะคนที่เลี้ยงหลานมาตั้งแต่เกิด เลี้ยงมาร่วมกับพ่อของหลาน ก็รู้สึกสงสารไปช่วยกันตามหา

จนกระทั่งวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ลูกสาวโทรมาบอกว่าถูกทำร้าย และอยากให้พ่อไปช่วย ตนและลูกเขยจึงรีบพยามติดต่อกับตำรวจ สภ.บางไทร ให้เข้าไปช่วยคุย สุดท้ายชายชู้ก็ปล่อยลูกสาวและหลานออกมา จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ และหลังจากที่ลูกสาวกลับมาอยู่บ้าน ชายคนนั้นก็พยายามมาดักรอ ซึ่งลูกสาวก็กลัว และมีการพูดข่มขู่พ่อแม่ด้วย

อย่างไรก็ตาม นายเอกภพ บอกว่า หลังจากนี้จะประสานไปยัง สน.และ สภ. ที่มีการฟ้องดำเนินคดีต่าง ๆไว้ และจะประสานทนายความเรื่องฟ้องชู้ให้กับผู้ร้องด้วย จากนั้นจะไปคุยกับพรรคการเมืองที่ชายคนที่ 5 ทำงานเป็นอนุกรรมาธิการ ว่ารับคนแบบนี้อยู่ในพรรคได้อย่างไร มีพฤติกรรมข่มขู่แบบนี้ รวมถึงจะพาผู้เสียหายไปเข้ากระบวนการคุ้มครองพยานที่กระทรวงยุติธรรมต่อไป