สามีเศร้า เมียป่วยหนัก พาไป รพ. หมอฉีดยาแก้ปวดแล้วให้กลับบ้าน สุดท้ายเสียชีวิต

View icon 188
วันที่ 27 ส.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทำใจไม่ได้ สามีเศร้า เมียป่วยหนัก พาไป รพ. รอคิวเกือบ 1 ชั่วโมง หมอฉีดยาแก้ปวดแล้วให้กลับบ้าน สุดท้ายเสียชีวิตจากภาวะปอดติดเชื้อ ยันเอาเรื่องถึงที่สุด ด้าน รพ.แจง รักษาเต็มความสามารถ

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวที่สูญเสียภรรยาผู้เป็นที่รัก ระบุว่า เรื่องเล่าจากทางบ้าน เหตุเกิดที่โรงพยาบาล เตือนตัวเองทุก ๆ ปี อมีนา ภรรยาของตนเสียชีวิต หลังปอดติดเชื้อรุนแรง วันที่ 23 ส.ค.67 ในวัย 35 ปี เวลา 17.00 น. อยากให้ทุกคนอ่านให้จบครับ (โรงพยาบาลศูนย์...) ช่วยกันแชร์โพสต์นี้ให้คนชาวยะลาได้รับรู้ทั่วด้วยนะครับ เคยแต่เห็นข่าวที่ผ่าน ๆหลาย ๆ เคสของผู้ป่วยอื่นเกี่ยวกับ รพ. ไม่เคยคิดเลยสักวันหนึ่งจะมาเจอกับครอบครัวของตน (ภรรยาที่รัก) ทำใจไม่ได้เลยการจากลาที่เร็วมาก

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 เวลา 10 โมงเช้ากว่า ๆ ภรรยาตนมีไข้ และมีอาการเจ็บหน้าอก แสบหน้าอก และไอรุนแรงอาการหนักตั้งแต่อยู่บ้าน ต่อมาได้พาภรรยาไป รพ. ภรรยาตนอาการหนักมาก พอไปถึงพยาบาลต้อนรับกลับให้รอคิวทั้ง ๆ ที่เคสอย่างภรรยาตน หนักมากคงรอคิวไม่ได้แล้ว แต่กลับให้รอคิวเกือบ ๆ 1ชม. หน้าห้องฉุกเฉิน แต่พอพยาบาลเข็นเข้าไปข้างใน กลับปล่อยให้นอนเจ็บปวดบนเตียงตั้งนานในห้องฉุกเฉิน จริง ๆ แล้ว อาการภรรยาตนมันไม่ควรรอแล้ว ต้องรีบเช็กอาการด่วน และให้แอดมิตทันทีเพื่อเช็กดูอาการอย่างละเอียด ให้อยู่ในความดูแลของหมอ แต่กลับฉีดยาแก้ปวดให้เฉย ๆ แล้วให้ไปรับยากลับบ้าน ตนงงมาก ทั้ง ๆ ที่อาการหนักขนาดนี้ กลับปล่อยให้คนป่วยกลับ แต่พอกลับมาถึงบ้าน อาการก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ดีขึ้น

ในวันเดียวกันที่กลับจาก รพ. เวลาเกือบ ๆ บ่าย 2 ของวัน พอตกเย็นอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เลยพาไป รพ.อีกแห่ง ดูแลดีมากใกล้ชิดที่สุด พยาบาลบอกอาการขนาดนี้ รพ.เขาปล่อยให้คนป่วยกลับได้อย่างไร ทาง รพ.จึงทำเรื่องส่งตัวไป รพ.เดิมทันที

เช้าวันที่ 23 ส.ค.67 สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น มันไม่ทันแล้ว มันสายไปแล้ว อาการภรรยาตนโคม่าจนมันสายเกินไปที่จะรักษา เพราะความสะเพร่าของบุคลากรของ รพ.จนทำให้ภรรยาเสียชีวิตในวันที่ 23 ส.ค.67 เวลา 17:00 น. (วันศุกร์) และในขณะตอนรอรับศพภรรยาตน ทำไมพวกคุณต้องส่งตัวแทนของ รพ.มาไกลเกลี่ยกับตนด้วย มันสายไปแล้ว ตอนพาไปรอบแรก ทำไมไม่เช็กอาการดี ๆ พวกคุณรู้ไหม ภรรยาตนมีลูก ๆ อีกหลายคนที่เขาต้องการแม่ พวกคุณใจดำอำมหิตเหลือเกิน ตนจะใช้ชีวิตอย่างไร คู่ชีวิตที่สู้ด้วยกันมาจากไปไม่มีวันกลับ ตนจะดำเนินการกับโรงพยาบาลให้ถึงที่สุด สุดความสามารถที่จะทำได้ เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ”

ล่าสุด วานนี้ (26 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายอันวา อายุ 37 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ที่บ้านในพื้นที่อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ภายในบ้านยังปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศกของสญาติและสมาชิกในครอบครัว โดยนายอันวา เผยว่า หลังเกิดเหตุ โรงพยาบาลส่งตัวแทนมาคุยระหว่างที่ตนไปรอรับศพภรรยา โดยบอกว่าให้นำศพแฟนกลับมาทำพิธีทางศาสนาก่อน ตนก็บอกกลับไปว่า ไม่คุย เพราะพวกคุณทำงานสะเพร่า ปล่อยให้แฟนตนกลับได้อย่างไร ตอนนั้นตนพยายามเดินหนี แต่ทางตัวแทนที่มาคุย ก็พยายามเดินเข้าหาญาติ ๆ เพื่อที่จะคุย แต่ตนติดใจเรื่องการทำงานที่ปล่อยให้ภรรยาตน ซึ่งป่วยหนักกลับไปได้อย่างไร เขาตรวจละเอียดจริง ตามขั้นตอนของห้อง ER แต่ก็ต้องคนป่วยด้วย ซึ่งอาการมันย้อนแย้งกับผลตรวจ จะให้แอดมิต เพื่อรอดูอาการสัก 4-5 ชั่วโมงก็ยังดีกว่า แต่นี้ปล่อยกลับได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็รอดูว่าทางโรงพยาบาลจะออกแถลงการณ์มาว่าอย่างไร

ถ้าแถลงการณ์ออกมาย้อนแย้งกับผู้ป่วย ก็มองว่าไม่เป็นธรรม คนไข้อาการหนักขนาดที่ตอนพาไปก็ต้องอุ้มขึ้นรถ ตอนได้รับยาตนยังต้องอุ้มขึ้นรถ จะบอกว่าอาการดีขึ้นก็คงไม่ใช่ ทางโรงพยาบาลให้แอดมิตเช้า เย็นกลับ อันนี้ยังดีอยู่ แต่นี้ไม่กี่ชั่วโมงเขาปล่อยกลับได้ยังไง มาวันนี้มีลูก ๆ ทั้ง 4 ที่คอยให้กำลังใจกับการจากไปของแม่เขา ซึ่งตนยังทำใจไม่ได้ คนโตอายุ 14 ปี ค่อยบอกพ่อต้องเข้มแข็ง ในขณะที่คนเล็กอายุ 3 ขวบ ก็รู้ตามภาษาของเด็ก แกก็พยายามเดินหาจุดที่เคยเจอแม่ว่าแม่อยู่ตรงไหนบ้างในบ้าน ตอนตื่นและก่อนนอน และถามว่ามี๊(แม่)อยู่ไหนจะนอนกับมี๊ ส่วนลูกชายคนเดียวของเราก็เดินมากอดตนแล้วก็ร้องไห้

ขณะที่ทางโรงพยาบาลยะลา ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ชี้แจงการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วย จากกรณีการโพสต์ข้อความบนสื่อโชเชียลมีเดีย และมีการแชร์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยมีการกล่าวอ้างถึงกระบวนการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น โรงพยาบาลยะลา ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และขอชี้แจงกระบวนการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยรายนั้น ดังนี้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 เวลาประมาณ 10.20 น. ญาติผู้ป่วยดังกล่าว ได้นำส่งผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษา ณ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ชั้น 1 อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลยะลา จากการชักประวัติและประเมินอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยมีอาการไอ เจ็บหน้าอกเวลาไอ ปวดบริเวณสะโพกร้าวไปขาข้างขวา ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ สามารถพูดคุยได้ปกติ และในขณะนั้นบริเวณจุดคัดกรองมีผู้ป่วยรอรับบริการเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเวลาประมาณ 11.02 น. แพทย์มีการชักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติม ตรวจวัดสัญญาณชีพ และตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) พบว่า ผลการตรวจเป็นปกติ ต่อมาเวลาประมาณ 11.17 น. แพทย์มีการให้ยาแก้ปวดทางเส้นเลือดและให้ผู้ป่วยนอนพักเพื่อสังเกตอาการ ต่อมาเวลาประมาณ 11.40 น. แพทย์มีการตรวจภาพรังสีปอด (X-ray) พบว่า ผลการตรวจเป็นปกติ และเวลาประมาณ 12.20 น. แพทย์ได้ชักถามอาการผู้ป่วยและตรวจวัดสัญญาณชีพอีกครั้ง พบว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น สัญญาณชีพเป็นปกติ และอนุญาตให้ญาติพาผู้ป่วยไปพักฟื้นและสังเกตอาการที่บ้าน พร้อมให้คำแนะนำว่าต้องสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องรีบมาพบแพทย์ และการใช้ยาตามมาตรฐานการรักษา

วันที่ 23 ส.ค.67 เวลาประมาณ 10.45 น. โรงพยาบาลยะลาได้รับการส่งตัวผู้ป่วยรายนี้จากโรงพยาบาลกรงปีนังด้วยอาการปอดอักเสบติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว หลังจากนั้นแพทย์ ได้ทำการประเมินอาการและส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤติอายุรกรรมตามมาตรฐานทางการแพทย์อย่างเต็มความสามารถ ในเวลาต่อมาร่างกายผู้ป่วยเริ่มไม่ตอบสนองต่อการรักษา โดยญาติไม่ประสงค์ให้ช่วยชีวิตด้วยการนวดหัวใจ และได้เสียชีวิตอย่างสงบ สรุปสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากผู้ป่วยมีภาวะปอดติดเชื้อ และปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรง และญาติได้นำศพผู้เสียชีวิตไปไประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว