เร่งสืบหาแก๊งคนร้ายชาวจีน บุกปล้นบ้านนักธุรกิจชาติเดียวกัน รีดเงิน 70 ล้านบาท

View icon 149
วันที่ 15 ส.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เร่งสืบหาแก๊งคนร้ายชาวจีน 4 คน บุกปล้นบ้านนักธุรกิจชาติเดียวกัน รีดเงิน 70 ล้านบาท คาด แก๊งคนร้ายยังอยู่ที่ไทย พร้อมเชิญหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกับผู้เสียหายมาสอบปากคำ

จากกรณีเหตุการณ์อุกอาจ แก๊งชาวจีน 4 คน พร้อมอาวุธครบมือ บุกปล้นบ้านนักธุรกิจชาติเดียวกัน ภายในหมู่บ้านหรูที่จังหวัดปทุมธานี บังคับเหยื่อโอนเงินสกุลดิจิทัล 2 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยจำนวน 70 ล้านบาท พร้อมเอาทรัพย์สินของมีค่า รถยนต์สีดำ และเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดไปด้วย

ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค. 67) พ.ต.อ. พีรพล โชติกเสถียร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี  เปิดเผยว่า คนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 6 คน ก่อนเกิดเหตุได้มีการใช้รถยนต์สีขาวขับไปส่งบริเวณใกล้หมู่บ้านของผู้เสียหาย

จากนั้นคนร้าย 5 คน จาก 6 คน ได้ใช้วิธีการเดินเท้าแอบเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากบ้านผู้เสียหายประมาณ 200 เมตร

จากนั้นจึงปีนเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย ซึ่งขนาดเกิดเหตุในบ้านผู้เสียหายมีอยู่อยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย ผู้เสียหาย, ภรรยาผู้เสียหาย, พี่สาวผู้เสียหาย, เลขานุการผู้เสียหาย และแม่บ้านอีก 2 คน

พอไปเจอเลขานุการของผู้เสียหายก็ใช้ปืนทุบศีรษะ และบังคับให้พาเข้าไปในบ้าน เมื่อพบผู้เสียหายจึงใช้เคเบิ้ลไทด์มัดข้อมือผู้เสียหาย, ภรรยาผู้เสียหาย และเลขานุการของผู้เสียหาย ส่วนพี่สาวของผู้เสียหาย และแม่บ้านอีก 2 คน นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ถูกควบคุมตัวข่มขู่หรือพันธนาการแต่อย่างใด

โดยคนร้ายใช้ภาษาจีนพูดคุยสื่อสารกับผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นตำรวจจีน ขู่บังคับให้โอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย คิดเงินเป็นเงินไทย 70 ล้านบาท พร้อมกับนำทรัพย์สินเป็นเงินสด 2 ล้านบาท, นาฬิกายี่ห้อเปียเก้ 1 เรือน, เครื่องประดับทองคำขาว และรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด รวมมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งภายหลังตำรวจติดตามนำรถโตโยต้า อัลพาร์ด กลับมาได้ เพราะหลังเกิดเหตุคนร้ายนำรถไปจอดทิ้งอยู่ในซอยสถานีไฟฟ้าแรงสูงรังสิต การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากนั้นจึงให้คนขับรถโดนสารสีขาวมารับหลบหนีไปอีกทอดหนึ่ง

การสืบสวนมีความคืบหน้าไปได้ระดับหนึ่ง เชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ในประเทศไทย จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียหายเป็นที่ปรึกษาบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในย่านรามคำแหง โดยมาซื้อบ้านหลังเกิดเหตุพักอาศัย

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้เชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติว่ามีคนในเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ  เนื่องจากผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน ตรวจสอบผู้เสียหายยังไม่พบประวัติการกระทำความผิด หรือมีหมายจับในประเทศจีน ซึ่งจะเชิญหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกับผู้เสียหายมาสอบปากคำในวันนี้ เพื่อหาสาเหตุเชื่อมโยงต่อไป รวมทั้งหาที่มาของเงินสดสองล้านบาทที่คนร้ายปล้นไปจากผู้เสียหายด้วย

ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังเปรียบเทียบแผนประทุษกรรมคดีเก่า เพื่อตรวจสอบหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เชื่อว่าคนร้ายมีข้อมูลของผู้เสียหายพอสมควร จึงสามารถก่อเหตุได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง