"จตุพร" มอง "ทักษิณ" คุมตั้ง "ชัยเกษม" เพียงแค่ไม่กล้าให้ "อุ๊งอิ๊ง" ขึ้นเป็นนายกฯ

View icon 278
วันที่ 15 ส.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"จตุพร" ตั้งคำถามบ้านเมืองจะอากันอย่างนี้หรือ "ทักษิณ" เรียกแกนนำพรรคร่วมหารือคุมตั้ง “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ เพียงเพราะไม่กล้าให้ "อุ๊งอิ๊ง" ขึ้นเป็นนายกฯ บุคลิกพิเศษเรียกความชิงชังได้เร็วมาก เชื่อ "เศรษฐา" รับชะตากรรมจากคนกันเอง สังคมไม่ผูกพันไม่รู้สึกเสียดาย

ความเคลื่อนไหวหลังการถอดถอนนายกฯ วานนี้ (14 ส.ค.67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถูกเรียกไปบ้านจันทร์ส่องหล้าของนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อประชุมการตั้งรัฐบาลให้นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นความเหมาะสมและทำให้บ้านเมืองสง่างามหรือไม่

"วันนี้ (เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า) ออกฤทธิ์ออกเดชมากที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น คนที่ทำหน้าที่ดีล (ให้กลับประเทศไทย) ต้องทบทวนตัวเองเช่นกันว่า จะปล่อยบ้านเมืองกันในสภาพแบบนี้เหรอ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า ความเสียหายรออยู่ข้างหน้า"

อีกทั้งกล่าวถึงผลการตัดสินของศาล รธน.ว่า ยิ่งใกล้วันศาล รธน.วินิจฉัยคดีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ หรือไม่ นักการเมือง นักวิเคราะห์มีความเชื่ออธิบายผ่านความรู้สึก โดยมั่นใจนายเศรษฐา จะรอด เพราะส่วนสำคัญไม่ต้องการให้ใช้อำนาจยุบสภา กระทั่งศาลมีมติ 5 ต่อ 4 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ถอดถอนพ้นนายกฯ จึงเกิดปรากฎการณ์นักโทษเรียกแกนนำพรรคร่วมไปประชุมตั้งรัฐบาลใหม่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าตามมาทันที

นายจตุพร ย้ำว่า ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าที่ผ่านมานายเศรษฐา เป็นนายกฯ ที่มีอำนาจแต่งตั้งคณะ รมต. โควตาพรรคเพื่อไทย แต่กลับต้องมารับผิดชอบการกระทำเพราะเป็นผู้เสนอโปรดเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการ จึงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้น หลังถูกศาล รธน. ถอดถอนแล้ว นายเศรษฐา หลุดลอยจากความสนใจของสังคมและสื่อมวลชน โดยเป้าหมายใหม่ต้องติดตามอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าและนายชัยเกษม แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกเจ้าของบ้านเรียกผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลไปประชุมให้สนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่ คนที่ 31 ทั้ง ๆ ที่มีปัญหาสุขภาพที่จำกัด และไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานหนักได้

“คนที่ทำให้คุณเศรษฐา มีอันเป็นไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะพูดกับคุณเศรษฐาอย่างไร แต่ผมเชื่อว่า คุณเศรษฐาจะไม่มีความสำคัญต่อเขาอีกต่อไป ส่วนเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นจากนี้ จะเป็นชะตากรรมที่คุณเศรษฐา จะรับผิดชอบไป"

นายจตุพร ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเอานายชัยเกษม อดีตอัยการสูงสุด ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องราวการทำงานในอดีตและเกี่ยวข้องกับคดีที่นายเศรษฐา พ้นไปด้วยไม่ว่าทางตรงหรืออ้อม เพราะมีเหตุเพียงแค่ไม่กล้าให้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและลูกสาวของตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ

"ถ้าอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ผมเชื่อว่า แม่คงไม่ยอมให้มาเป็นตัวเร่งสถานการณ์ ซึ่งแตกต่างจากนายเศรษฐา แม้ไม่มีคนรัก แต่ก็ไม่มีคนเกลียดเข้าไส้ ราวกับเป็นคนไร้ตัวตน สังคมไม่มีความรู้สึกผูกพันเสียดาย หากเป็นอุ๊งอิ๊ง เธอมีบุคลิกพิเศษที่เรียกความชิงชังได้เร็วมาก"

นายจตุพร ยังได้ยกตัวอย่างการพูดทางการเมืองในอดีตว่า อุ๊งอิ๊งปราศรัยหาเสียงบนเวทีต่าง ๆ แสดงออกทั้งตัวกับสัญญาประชาชน โดยเน้นปิดสวิตซ์ 3 ป. และ สว. พร้อมให้ดูหน้าจดจำเป็นสิ่งรับประกันคำพูดทางการเมืองไว้ว่า ที่พูดเป็นความจริง แต่ที่สุดผลลัพธ์ออกมาเป็นตรงกันข้าม จึงทำให้อารมณ์คนไทยหมั่นไส้ สิ่งนี้ย่อมเป็นตัวเร่งสถานการณ์ที่เร็วมาก

นายจตุพร กล่าวว่า ยิ่งอุ๊งอิ๊งมาเป็นนายกฯ แล้วผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต สานงานขายคอนโดฯ ให้ต่างชาติ 99 ปี และหนุนให้เกิดบ่อนกาสิโนต่อ แล้วยังดันโครงการแลนด์บริดจ์ต่อด้วย จึงไม่เป็นผลดีต่อการทำงานทางการเมืองแน่นอน สิ่งนี้คงทำให้ทักษิณ ผู้เป็นพ่อคงไม่กล้าส่งมาเป็นนายกฯ มาเป็นตัวเร่งสถานการณ์ความหมั่นไส้ ดังนั้น ให้นายชัยเกษม เป็นนายกฯ ย่อมดีกว่าให้ลูกสาวมาเสี่ยงติดคุก

ข้อความตอนหนึ่ง นายจตุพร ระบุว่า "ถึงวันนี้ ผมไม่รู้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลคิดอย่างไร แต่สมควรหรือไม่กับนักโทษที่อยู่ระหว่างพักโทษและต้องคดี ม.112 เรียกบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ไปคุยในบ้านได้ เราจะตั้งรัฐบาลกับคนเลี้ยงหลานแบบนี้เหรอ เอากันแบบนี้เหรอ ถามกันจริงๆ เพราะพรรคการเมืองบุคคลภายนอกเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ แต่คนนี้ใหญ่กว่าทุกพรรค สื่อถ่ายภาพหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้ามายืนยันเต็มไปหมดแล้ว และอยากให้สังคมไทยตั้งสติว่า บ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างไร เมื่อชัยเกษม มาก็ต้องเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตต่อ เอาบ่อนต่อ เอาคอนโด 99 ปี 75% ต่อ เอาแลนด์บริดจ์ให้เช่าที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปีต่อ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการหาเสียงมาเลย ถ้าอ้างว่านโยบายหาเสียงแล้วคงได้ไม่กี่คะแนนเสียงแน่" 

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคอื่นเป็นนายกฯ คงให้ยกเลิกดิจิทัลวอลเล็ต แล้วแจกเป็นเงินสดแทนกระแสนิยมทางการเมืองจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น พรรคเพื่อไทยควรทบทวนการหาเสียงทางการเมืองว่า สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ไม่ร่วมกับใครแล้วสุดท้ายมาตระบัดสัตย์ เมื่อเริ่มโกหกจึงต้องตระบัดสัตย์กันต่อไป แล้วไม่มีผลงานที่เพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ซ้ำร้ายคนกันเองยังทำร้ายนายเศรษฐา ในทางการเมือง จนต้องพ้นจากนายกฯ ด้วย