ตร.พัทยา รวบ อ๊อฟ บ้านช่าง กระทืบเพื่อนรัก หลังเห็นภาพบาดใจคบซ้อนแฟนสาว

View icon 128
วันที่ 7 ส.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แค้นจัด ตร.พัทยา รวบ อ๊อฟ บ้านช่าง กระทืบเพื่อนรัก หลังเห็นภาพบาดใจอยู่กับแฟนสาว สารภาพถูกคนเจ็บเยาะเย้ย คบซ้อนแฟนสาว ส่วนที่อ้างรู้จัก ตร.เพราะกลัวถูกล้างแค้น

จากกรณีผู้เสียหาย ถูกวัยรุ่นพัทยา ทำร้ายร่างกายอย่างป่าเถื่อน พร้อมทั้งถ่ายคลิปวีดีโอไปประจาน ประกาศศักดาว่า รู้จักตำรวจ ไม่เกรงกลัวใคร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดค่ำวานนี้ (6 ส.ค.67) พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา, พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.พัทยา และ พ.ต.ท.สิทธาภรณ์ แท้เที่ยง สว.สส.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ควบคุมตัวนายอัศดายุ หรือ อ๊อฟ บ้านช่าง อายุ 28 ปี มาสอบสวนที่ห้องสืบ สภ.เมืองพัทยา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องก็ได้นำกำลังลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุทันที เพราะนอกจากมีผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับความเสียหายจากการถูกกล่าวอ้างถึงด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยและตามไปควบคุมตัวได้ที่จังหวัดชัยภูมิ

โดยจังหวะที่เจ้าตัวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็รีบลุกวิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อย แต่สุดท้ายไปไม่รอดก็ต้องยอมจำนนแต่โดยดี ส่วนสาเหตุที่เกิดความล่าช้านั้นในการจับกุมนั้น เนื่องจากในวันที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญทั้งสองฝ่ายมาโรงพักแล้ว แต่ด้วยความเป็นเพื่อนทั้งคู่ตกลงไม่แจ้งความดำเนินคดี และได้ทำการเปรียบเทียบปรับทะเลาะวิวาทไป กระทั่งคนเจ็บเข้าร้องเรียน  เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับกุมตัวดังกล่าว

สอบถามนายอัศดายุ ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง สาเหตุเพราะถูกผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน เยาะเย้ย และแอบมาคบซ้อนกับแฟนสาว รวมถึงมีภาพบาดตาบาดใจที่บุกไปเจอแฟนสาวกับเพื่อนรักอยู่ในห้องพักรายวันแบบสองต่อสอง จึงลากคอออกมาทำร้ายที่อื่น เพราะเกรงว่าทางห้องพักจะเดือดร้อนไปด้วย ส่วนที่ตนเองอ้างว่ารู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เพียงแค่จะข่มขู่ ไม่ให้คู่กรณียกพวกมาล้างแค้น ก็ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างถึงด้วย

เบื้องต้น พ.ต.ท.ฐานานนท์ สอบปากคำนายอัศดายุ ซึ่งเจ้าตัวคอตกยอมรับสารภาพ ยอมจำนนต่อหลักฐาน ที่เพื่อนบันทึกภาพวีดีโอในขณะก่อเหตุไว้ อย่างไรก็ตาม การแจ้งข้อกล่าวหานั้นจะต้อง เชิญตัวคู่กรณีมาสอบปากคำเพิ่ม รวมถึงดูผลวินิจฉัยจากแพทย์ ในเรื่องของอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน  ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง