จากการเปิดเผยผลการศึกษาวิจัยใหม่ ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสารทางวิทยาศาสตร์ไซแอนซ์ (Science) เมื่อวานนี้ (1 สิงหาคม) พบว่า ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอนดีส ละลายอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์อารยธรรมมนุษย์ โดยการค้นพบดังกล่าว สร้างความตกตะลึงให้กับนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเดิมมีแผนที่จะศึกษาสถานะปัจจุบันของธารน้ำแข็ง และการเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็งตลอดอารยธรรมมนุษย์
หัวหน้าคณะผู้จัดทำการศึกษากล่าวว่า "เขาคิดว่าผลลัพธ์นี้จะเกิดขึ้นในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า" จนมีการยืนยันจากตัวอย่างที่ชัดเจน โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ ที่ได้กำหนดอายุด้วยคาร์บอน สำหรับชั้นหินแข็งที่เพิ่งพบเห็น หลังธารน้ำแข็งละลาย ซึ่งวัดระดับนิวไคลด์ของเบริลเลียม-10 และคาร์บอน-14 พบว่าความเข้มข้นนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งอัตราการสลายตัวของนิวไคลด์เหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าชั้นหินนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยในช่วงยุคโฮโลซีน ซึ่งย้อนกลับไปได้ 11,700 ปี แต่สามารถย้อนกลับไปได้ไกลกว่านั้นอีก
ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ ได้รวบรวมข้อมูลจากธารน้ำแข็ง 4 แห่งทั่วเทือกเขาแอนดีส ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99 ของธารน้ำแข็งในเขตร้อนทั่วโลก โดยธารน้ำแข็งเหล่านี้ มีความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงมากกว่า เนื่องจากอยู่ที่จุดเยือกแข็ง หรือใกล้จุดเยือกแข็งอยู่เสมอ ซึ่งก่อนหน้านี้ คาดว่า ผลลัพธ์นี้จะเกิดขึ้นอีกหลายสิบปีข้างหน้า แต่มันกลับเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือน ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นทุกที่ในไม่ช้า และอาจเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ด้วย
