เผชิญหน้า พร หญิงขับรถชนแล้วหนี

View icon 89
วันที่ 31 ก.ค. 2567
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - หลังเกิดเหตุการณ์ขับรถชนแล้วหนี แล้วผู้เสียหายเกาะหน้ากระโปรงรถขัดขวาง แต่อีกฝ่ายไม่หยุด ขับรถไปทั้งแบบนั้นกลายเป็นเรื่องฮือฮาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุด ตำรวจได้เรียกสองฝ่ายมาพบ จึงได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก

นี่เป็นคำกล่าวของ "พร" อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุ ทันทีที่พบหน้า "เปิ้ล" อายุ 56 ปี ผู้เสียหาย หลังผ่านมากกว่า 1 สัปดาห์ ทั้งคู่ได้มาพบหน้าตามการนัดหมายของพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ให้มาชี้ตัวเพื่อยืนยันผู้ก่อเหตุ และรายงานความเสียหาย ก่อนที่ตำรวจเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ก่อเหตุ ไปตรวจหาสารเสพติด

หลังการสอบปากคำนาน 3 ชั่วโมง "พร" อ้างว่า เหตุการณ์เฉี่ยวชนบริเวณหน้าโรงพยาบาลราชวิถี ตนทราบเรื่องหลังจาก "เปิ้ล" ตะโกนบอกให้จอดลงมาพูดคุยกัน แต่เพราะมีความคิดแทรกเข้ามาว่า "ตนไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และรู้สึกกังวลหากลงไปพูดคุยจะเกิดอันตราย" จึงขับรถหนี

พอเช้าวันรุ่งขึ้น (25 ก.ค.) ตั้งใจมาพบตำรวจ แต่พอญาติโทรมาถามว่า เตรียมเงินมาใช้ประกันตัวหรือไม่ เลยต้องขับรถกลับไปเตรียมตัวใหม่ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมยืนยันไม่เคยเสพสารเสพติด และในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้เมาสุรา และผลการตรวจสารเสพติดก็ตรวจแล้วไม่พบ

ส่วน "เปิ้ล" ที่ได้ฟังคำพูดของ "พร" ก็ยอมรับว่ารู้สึกคาใจ เรื่องที่อ้างว่าตกใจจึงขับรถหนีในวันที่เกิดเหตุ ส่วนอาการบาดเจ็บหลังเกิดเหตุ แพทย์วินิจฉัยพบมีกระดูกซี่โครงร้าวเล็กน้อย ไม่สามารถยกของหนักได้ ทำให้ขาดรายได้ไปวันละ 1,000-2,000 บาท

ส่วน "นายเต้" อายุ 26 ปี เจ้าของรถยนต์ เปิดใจกับทีมข่าวว่า "พร" ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ทำอาชีพขายของออนไลน์ ที่ผ่านมามักจะมาขอยืมรถไปใช้อยู่บ่อย ๆ วันเกิดเหตุบอกจะขอยืมรถไปสมัครงาน และหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ แต่พอเอารถมาคืนเห็นว่าพังความเสียหาย จึงสอบถามจนรู้ความจริง ส่วนที่มีข่าวว่าตนเองหนีไฟแนนซ์ ยืนยันว่าไม่จริง ส่วนที่ไม่ได้ต่อ พ.ร.บ.รถ มานานกว่า 3 ปี เป็นเพราะไม่ค่อยได้ใช้รถ

เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา คือ ชนแล้วหนี, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะให้ประกันตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ แต่ตำรวจต้องยึดรถยนต์สีขาวไว้เป็นของกลาง ก่อนจะนัดให้มาพบเพื่อส่งฟ้องศาลฯ ต่อไป ส่วนคดีจราจรนั้นก็ได้มีการปรับเป็นพินัยไปแล้ว