ร้องสายไหมต้องรอด โมเดลลิงอ้างสนิท “ลิซ่า” หลอกถ่ายโฆษณา สูญเงิน 8.7 ล้าน

View icon 96
วันที่ 30 ก.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พ่อร้องสายไหมต้องรอด โมเดลลิง อ้างสนิท “ลิซ่า” ชวนลูกสาวถ่ายโฆษณา ครั้งแรกได้ค่าจ้างหลักหมื่น ก่อนที่จะชักชวนอีกหลายครั้ง แต่ให้วางเงินประกันไว้ก่อน เจ้าตัวโอนเงินให้ 42 ครั้ง สูญเงิน 8.7 ล้าน

วันนี้ (30 ก.ค.67) นายที (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังโมเดลลิงเก๊หลอกโอนเงินหลักล้านบาท โดย ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ภรรยาของตนรู้จักกับน.ส.น้ำผึ้ง ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากนั้นน.ส.น้ำผึ้งก็ทักมาหาภรรยาของตน พร้อมแนะนำว่าทำธุรกิจเฟ้นหานักแสดงไปถ่ายโฆษณาหรือละครต่าง ๆ ซึ่งโพรไฟล์ของน.ส.น้ำผึ้งค่อนข้างดูน่าเชื่อถือ จึงทำให้ครอบครัวของตนมั่นใจว่าน.ส.น้ำผึ้งสามารถพาลูกสาวคนโต อายุ 11 ขวบ เข้าสู่วงการบันเทิงได้จริง

กระทั่งเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ติดต่อไปหา น.ส.น้ำผึ้ง โดยน.ส.น้ำผึ้ง แจ้งว่าจะต้องจ่ายค่าเรียนการแสดงเป็นเงิน 17,000 บาท และให้คำมั่นว่าจะมีงานถ่ายโฆษณาเข้ามาอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากที่ตนโอนเงินไปให้ ยังไม่ทันที่ลูกสาวของตนจะได้ไปเรียนการแสดง น.ส.น้ำผึ้งก็ติดต่อกลับมาว่า ให้ลูกสาวตนไปถ่ายโฆษณานมเปรี้ยวยี่ห้อดังที่สตูดิโอแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยตนได้พาลูกสาวไปถ่ายทำโฆษณา ก็เห็นว่ามีการถ่ายทำกันจริง และมีบุคคลอื่นมาร่วมถ่ายโฆษณาด้วย ถัดมาอีกประมาณหนึ่งเดือน ตนก็ได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 19,000 บาท ทำให้มั่นใจว่าสามารถทำเงินได้จริง จึงได้มีการจ่ายเงินค่าเรียนการแสดงของลูกสาวคนเล็กอายุ 10 ขวบ เพิ่มเติม

จากนั้น น.ส.น้ำผึ้ง ก็ชักชวนให้ลูกสาวของตนไปถ่ายโฆษณาประเภทอื่น ๆ อยู่หลายครั้ง โดยแต่ละครั้งจะต้องวางเงินประกันก่อนทุกครั้ง โดยจำนวนเงินจะแตกต่างกันออกไปตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท ด้วยความที่มั่นใจว่าจะได้ค่าตอบแทนกลับมาจริง จึงได้โอนเงินค่าประกันให้ไปตลอด โดยมีครั้งหนึ่งน.ส.น้ำผึ้งได้อ้างว่าจะมาชวนลูกสาวไปถ่ายโฆษณาร่วมกับ ลิซ่า Black pink จะได้ค่าจ้าง 150,000 บาท แต่ต้องวางเงินประกัน 75,000 บาท แล้วอ้างว่าตัวเองสนิทสนมกับลิซ่า สามารถพาไปถ่ายงานร่วมกันได้ทั้งครอบครัว ทำให้ครอบครัวต้องเดินทางมาจากจังหวัดแพร่มาเปิดโรงแรมนอนพักที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ซึ่งน.ส.น้ำผึ้งก็ได้เลื่อนประวิงเวลามาตลอด จนทำให้ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก  โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนโอนเงินให้น.ส.น้ำผึ้งถึง 42 ครั้ง เป็นจำนวนเงินถึง 8,734,000 บาท โดยมีการไปยืมญาติถึง 2,000,000 กว่าบาท

สำหรับ น.ส.น้ำผึ้ง ตนได้มีการติดต่อสอบถามไป ก็อ้างว่าจะคืนเงินทั้งหมดให้ในวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้พบว่าไม่สามารถติดต่อได้แล้ว

ด้าน นายเอกภพ เปิดเผยว่า จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่ บก.สอท.1 และส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กของน.ส.น้ำผึ้ง ก็ยังมีการโพสต์หานักแสดงไปถ่ายโฆษณาเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา