องคมนตรี ไปตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่จังหวัดชุมพร

View icon 266
วันที่ 10 ก.ค. 2567
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และพลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปตรวจเยี่ยมการดำเนิน "โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ณ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดชุมพร อำเภอเมือง โดยมี เยาวชนคดีอาญา 178 คน ซึ่งกระทำความผิดคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย การดำเนินงานเพื่อสุขภาพอนามัยของเยาวชนในการควบคุม หากเจ็บป่วยจะส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขุนกระทิง และโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ด้านสุขภาพจิตและจิตเวช มีการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตทุกราย หากพบว่ามีปัญหาจะส่งเข้ารับการบำบัดทันที ด้านยาเสพติด มีตรวจหาสารเสพติดทุกราย หากมีผลการจำแนกอยู่ในกลุ่มเสพ ส่งเข้ารับการบำบัดทันที

จากนั้น เดินทางไปยังเรือนจำจังหวัดชุมพร ซึ่งควบคุมผู้ต้องขังกำหนดโทษไม่เกิน 15 ปี ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังชาย-หญิง รวม 1,744 คน โดยสถานพยาบาล มีพยาบาลวิชาชีพ 3 คน, นักจิตวิทยา 2 คน และ อสรจ. 53 คน ด้านสุขภาพผู้ต้องขัง ได้รับการสนับสนุนบุคลากรด้านสาธารณสุข จากโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีแพทย์ เข้าตรวจรักษาโรคทั่วไป สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง, มีทันตแพทย์ เดือนละ 1 ครั้ง, ด้านสุขภาพจิต มีการคัดกรองสุขภาพจิตในผู้ต้องขังแรกรับ และประเมินสุขภาพจิตด้วยแบบคัดกรองทุกคน ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตและจิตเวช 59 คน ได้รับการดูแลรักษาครบทุกราย, ด้านการป้องกันและควบคุมโรค มีการคัดกรองโรคเอชไอวี, ซิฟิลิส, ไวรัสตับอักเสบซี และวัณโรค ซึ่งยังไม่พบเชื้อในผู้ต้องขัง นอกจากนี้ มีการจัดกิจกรรมการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังโดยใช้อาชีวบำบัดและศาสนบำบัด

ต่อจากนั้น เดินทางไปยังโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อำเภอหลังสวน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ขนาด 509 เตียง ให้บริการตรวจสุขภาพตามหลักสิทธิมนุษยชน แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดชุมพร อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ในส่วนของการรักษา มีห้องสำหรับแยกรักษาผู้ต้องขังจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ผู้ป่วยและด้านความปลอดภัย 2 ห้อง แบ่งเป็น ชายและหญิง ห้องละ 2 เตียง ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังเข้ารับการรักษาโรคหมอนรองกระดูกติดเชื้อ 1 คน

จากนั้น เดินทางไปยังเรือนจำอำเภอหลังสวน ซึ่งควบคุมผู้ต้องขังเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย กำหนดโทษเหลือไม่เกิน 7 ปี ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังชาย 642 คน และผู้ต้องขังหญิง 144 คน สถานพยาบาล มีพยาบาลวิชาชีพ 2 คน, นักจิตวิทยา 1 คน และ อสรจ. 80 คน โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้พระราชทานเครื่องมือแพทย์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 15 รายการ สำหรับตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น และอุปกรณ์พระราชทานในการฝึกอบรมผู้ต้องขัง ที่เข้าร่วมโครงการอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ หรือ อสรจ. มีโรงพยาบาลหลังสวน เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย ดำเนินงานเพื่อสุขภาพอนามัยผู้ต้องขัง อาทิ ตรวจคัดกรองหาเชื้อเอชไอวี, ซิฟิลิส และไวรัสตับอักเสบซี ในผู้ต้องขังรายใหม่ ส่วนผู้ต้องขังหญิงได้รับการคัดกรองมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ร้อยละร้อย

มีแพทย์ และทันตแพทย์ จากโรงพยาบาลแม่ข่ายเข้าตรวจรักษา เดือนละ 3 ครั้ง, ด้านสุขภาพจิต มีการคัดกรองสุขภาพจิตในผู้ต้องขังแรกรับ และประเมินสุขภาพจิตด้วยแบบคัดกรองทุกคน ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตและจิตเวช 29 คน ได้รับการดูแลรักษาครบทุกราย

ช่วงบ่าย เดินทางไปยังโรงพยาบาลหลังสวน อำเภอหลังสวน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำอำเภอหลังสวน มีบริการตรวจรักษาด้วยระบบ Telemedicine เป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้ต้องขัง, ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษา ผู้ต้องขังไม่จำเป็นต้องไปรับการรักษาในโรงพยาบาล สามารถรับการวินิจฉัยและตรวจรักษาจากแพทย์ และแพทย์เฉพาะทางได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนการรักษาผู้ต้องขัง มีห้องปันสุข แยกรักษาผู้ต้องขังจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ผู้ป่วยและด้านความปลอดภัย ปัจจุบันไม่มีผู้ต้องขังป่วยเข้ารับการรักษา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง