ไฟไหม้เยาวราช กทม. ล้อมคอก 256 ชุมชนซอยแคบ

View icon 132
วันที่ 8 ก.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชัชชาติลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้เยาวราช ยืนยันถังดับเพลิง-ประปาหัวแดง มีเพียงพอ แต่ในเหตุการณ์มีอุปสรรค เร่งถอดบทเรียนล้อมคอก 256 ชุมชนซอยแคบ รวมถึงพาหุรัด สำเพ็ง ราชวงศ์

วันนี้ (8 ก.ค.67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ ชุมชนตรอกโพธิ์ เยาวราช พร้อมกล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการตั้งคำถามว่าประปาหัวแดง มีเพียงพอที่จะใช้ในการระงับเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนหรือไม่ โดยผู้ว่าฯชัชชาติ ยืนยันว่า ประปาหัวแดงมีเพียงพอ โดยประปาหัวแดงจุดแรกอยู่หน้าบ้านต้นเพลิง ทำให้เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถมาต่อสายฉีดน้ำที่ประปาหัวดังกล่าวได้ เพราะเป็นอันตราย ส่วนอีกหัวอยู่ฝั่งซอยเยาวราช 7 ห่างจากต้นเพลิงประมาณ 50 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถลากสายยางมาถึงจุดต้นเพลิงได้ เพราะมีหลังคาพังถล่มลงมาระหว่างทาง

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนถังดับเพลิงมีอยู่ประมาณ 20 ถัง ในชุมชนนี้มี 65 ครัวเรือน ซึ่งถือว่าถังดับเพลิงมีจำนวนมากพอ จากปกติอัตราส่วนจะมีถังดับเพลิง 1 ถังต่อ 5 ครัวเรือน แต่คาดว่านาทีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ประชาชนส่วนใหญ่เน้นวิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งยังนับว่าเป็นเคราะห์ดีอยู่ เพราะชุมชนนี้เพิ่งผ่านการฝึกอพยพหนีไฟเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและปีนี้ได้กรุงเทพมหานครได้จัดซ้อมอพยพหนี้ภัยไปแล้ว 375 ชุมชน

“อุปสรรคที่เกิดขึ้น คือชุมชนเป็นบ้านไม้ ทางเข้าเป็นซอยแคบ และมีอาคารล้อมรอบ ทำให้เพลิงลุกลามรวดเร็ว และรถดับเพลิงเข้าถึงได้ยาก ดังนั้นกรุงเทพมหานครก็ต้องไปถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เพราะในพื้นที่กรุงเทพฯมีชุมชนที่เป็นซอยแคบลักษณะนี้อีก 256 ชุมชน และมีชุมชนที่มีตึกล้อมรอบลักษณะนี้อีก 3 แห่ง ในบริเวณใกล้เคียง คือชุมชนพาหุรัด สำเพ็ง และราชวงศ์”

นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ในอนาคตอาจมีการจัดสรรอุปกรณ์ดับเพลิงที่สามารถแบกได้ และเครื่องปั๊มน้ำที่จะสามารถสูบน้ำจากแหล่งน้ำในชุมชนมาฉีดได้ โดยไม่ต้องพึ่งประปาหัวแดง รวมถึงต้องจัดระเบียบรถอาสาสมัครกู้ภัยและรถดับเพลิงให้เป็นระบบมากกว่านี้

ในส่วนของสาเหตุเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วจึงจะให้ประชาชนเข้าไปตรวจดูทรัพย์สินที่บ้านโดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องพิจารณาความปลอดภัยเป็นหลัก สำหรับมาตรการเยียวยา หากเป็นเจ้าของอาคาร จะได้เงินเยียวยากว่า 40,000 บาท แต่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นผู้เช่า ไม่ใช่เจ้าของ ก็จะได้เพียงชดเชยค่าเช่าประมาณ 30,000 บาท ส่วนชาวต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทย ก็ต้องขอไปดูข้อกฎหมายว่าจะชดเชยเยียวยาอย่างไรได้บ้าง แต่เบื้องต้นก็มีอาหารและที่พักชั่วคราวให้ก่อน