191 บุกทลายแหล่งซุกยาเสพติด ยึดยาบ้ากว่า 6.4 ล้านเม็ด , ไอซ์ 319 กิโลกรัม และเฮโรอีน 434 แท่ง พบผู้ต้องหาบางคนเป็นเยาวชน
วันนี้ (27 มิ.ย. 67) พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญทั่วประเทศ 2,876 จุด โดยล่าสุดมีการสรุปผลการจับกุม ผู้ต้องหาได้รวม 2,220 คน เป็นบุคคลตามหมายจับ 157 ราย สามารถจับกุมยาบ้าได้ 6 ล้าน 1 แสนกว่า เม็ด ไอซ์ 262 กิโลกรัม และยาเสพติดประเภทอื่น ๆ โดยในการเข้าเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ยังสามารถตรวจยึดอาวุธปืนของกลุ่มผู้ต้องหาได้ 282 กระบอก ทั้งอาวุธสงครามและอาวุธปืนสั้น อีกทั้งยังมีการยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหารวม 440 กว่าล้านบาท
สำหรับในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีผลงานที่น่าสนใจเป็นของกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 สามารถจับกุมเครือข่ายขนส่งยาเสพติดทางพัสดุและขยายผลไปยังที่เก็บยาเสพติดเป็นโกดังขนาดใหญ่ ได้ของกลางเป็นยาบ้า 6,800,000 กว่าเม็ด , ไอซ์ 500 กิโลกรัม , เฮโรอีน 440 แท่ง
ชุดสืบสวนได้รับข้อมูลว่า มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้ลักลอบนำยาเสพติดมาซุกซ่อนไว้บ้านพักแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และใช้รถยนต์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่หนองจอกและสุวินทวงศ์
ชุดสืบสวนจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ กระทั่งวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ได้ขนกล่องพัสดุใส่รถยนต์และขับออกจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าเพื่อขอตรวจค้น
เบื้อนต้นจับกุม ผู้ต้องหาได้ 3 คน ภายในรถยนต์พบยาบ้า เกือบ 400,000 เม็ด จากนั้นขยายผลเข้าค้นภายในบ้านพัก พบยาบ้าอีกกว่า 6.4 ล้านเม็ด / ไอซ์ 319 กิโลกรัม / เฮโรอีน 434 แท่ง และจับกุมเครือข่ายได้อีก 2 คน ขณะขับรถมาที่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับสารภาพว่า ยาเสพติดที่ยึดได้ในบ้านหลังนี้ไปรับมาจากเครือข่าย ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งส่วนหนึ่งถูกแบ่งไปซุกซ่อนไว้ที่ บ้านเช่า ในพื้นที่หนองจอก กทม. ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ พบ ไอซ์ 182 กิโลกรัม / เคตามีน 198 กิโลกรัม
สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้5 คน ในจำนวนนี้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 1 คน และ เยาวชน 1 คน ซึ่งทั้งหมดถูกดำดนินคดีในข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด โดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต. วรวิทย์ ญาณจินดา ผู้บังคับการ สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่ายาเสพติดเหล่านี้ จะกระจายไปให้กับเครือข่ายใน 6 จังหวัด คือ สระแก้ว พัทลุง ตรัง สงขลา นราธิวาสและปัตตานี
ทั้งนี้การเปิดปฏิบัติการดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยซึ่งกระจายตัวอยู่ในแต่ละหมู่บ้านแต่ละชุมชนโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เปิดปฏิบัติการและทำอย่างต่อเนื่อง
