จุดเดียวจบครบถึงเบี้ย

View icon 75
วันที่ 26 มิ.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
One Stop Service (OSS) “จุดเดียวจบครบถึงเบี้ย” ส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการคนพิการ พร้อมดึงคลินิกและร้านยาเอกชนร่วมโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ตั้งเป้าปี 2568 มีร้านยาเข้าร่วม 5,000 แห่ง

วันนี้  26 มิ.ย.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ขานรับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการดูแลประชาชนทุกกลุ่มให้เข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งการอำนวยความสะดวกจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ One Stop Service (OSS) รวมไปถึงเชิญชวนคลินิกและร้านขายยาเข้าร่วมโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ตั้งเป้าหมายให้มีคลินิกและร้านขายยาเอกชนร่วมโครงการฯ 5,000 แห่ง ภายในปี 2568

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เปิดแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยระบบดิจิทัล ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ รวมไปถึงการดึงคลินิกและร้านขายยาเอกชนให้เข้าร่วมโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนเข้ารับบริการโดยไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล

รัฐบาลส่งเสริมให้คนพิการเข้าถึงบัตรประจำตัวคนพิการ โดยจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ One Stop Service (OSS) ภายใต้เเนวคิด “จุดเดียวจบครบถึงเบี้ย” เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของคนพิการ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้พัฒนาฐานข้อมูลและแอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการขึ้นทะเบียน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้

- ระยะที่ 1 คือ การพัฒนาแพลตฟอร์มการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เชื่อมต่อกับระบบยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนพิการ
- ระยะที่ 2 คือ “จุดเดียวจบครบถึงเบี้ย” การเชื่อมโยงระบบบัตรประจำตัวคนพิการกับการยื่นขอสวัสดิการเบี้ยความพิการ โดย พม. จะได้หารือถึงแนวทางการพัฒนาระบบยื่นคำขอสวัสดิการเบี้ยความพิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้พิการสามารถดำเนินการยื่นขอสวัสดิการเบี้ยความพิการ และเข้าถึงสวัสดิการได้มากขึ้น

พร้อมกันนี้ สภาเภสัชกรรม ดึงให้คลินิกและร้านขายยาเอกชนเข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้ารับบริการทางการแพทย์กรณีที่มีอาการเจ็บป่วยไม่รุนแรงหรือไม่ซับซ้อน แบ่งเบาภาระโรงพยาบาล และลดความแออัด โดยร้านยาในโครงการนี้จะเป็นร้านยาคุณภาพที่ผ่านการรับรองจากสภาเภสัชกรรม นับเป็นโอกาสให้ร้านยามีส่วนในการให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าถึงบริการได้น้อยก็สามารถเข้ามารับบริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการได้ที่ร้านยา ซึ่งจะเป็นการช่วยดูแลในเบื้องต้นได้มากขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันในโครงการฯ มีร้านยาเข้าร่วมแล้วกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ โดยให้การดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยไปแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง และติดตามผลการให้บริการภายหลัง 3 วัน ซึ่งร้านยาเป็นหน่วยบริการเดียวที่มีการติดตามผลการให้บริการ โดยกว่าร้อยละ 90 หายจากอาการที่เป็นอยู่ ถือเป็นความสำเร็จเบื้องต้นที่น่าพอใจ พร้อมตั้งเป้าหมายให้มีร้านยาเข้าร่วมให้ถึง 5,000 แห่ง ภายในปี 2568 เพิ่มสัดส่วนร้านยาที่ร่วมโครงการฯต่อประชากรเป็น 1:10,000

ข่าวที่เกี่ยวข้อง