วันนี้ (26 มิ.ย. 67) พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนายวินัย ยุงทอง ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโพธาราม และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้นำหมายค้นจากศาล จ.ราชบุรี มาขอตรวจค้นที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี
หลังทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโพธาราม ได้ทำการตรวจสอบโรงงานแห่งนี้แล้วว่ามีการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก แต่จ่ายค่ากระแสไฟไม่สมกับกระแสไฟที่ใช้ จึงเชื่อว่ามีการขโมยไฟใช้
โดยมีนายวีระพล ออกมารับหมายค้นและพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในโรงงาน ซึ่งพบว่าด้านในนั้นมีการติดตั้งเครื่องบิตคอยน์เป็นจำนวนมาก และมีการเปิดแอร์ไว้ทุกห้อง นอกจากนี้ยังมีตัวเครื่องบิตคอยน์ที่ถูกรื้อถอนออกไปจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดเครื่องบิตคอยน์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้นายวีระพล ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นรถยนต์ของตนเอง พบอาวุธปืนสั้นจำนวน 1 กระบอก แต่เป็นปืนมีทะเบียนที่มีชื่อนายวีระพล เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไปตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามสอบถามนายวีระพล ถึงการประกอบกิจการของโรงงานแห่งนี้ว่าทำเกี่ยวกับอะไร แต่นายวีระพล อ้างว่าไม่รู้อะไรเลย และอ้างว่าแค่ถูกจ้างมาดูแลแค่นั้น แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อจึงได้ควบคุมตัวนายวีระพล ไปทำการสอบปากคำที่ สภ.โพธาราม
ทางด้าน พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ให้ข้อมูลว่า วันนี้ทางการไฟฟ้าโพธารามได้ประสานมาว่ามีโรงงานที่ใช้ไฟโหลดผิดปกติ ซึ่งก่อนนี้หน้าทางการไฟฟ้ามีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ว่ามีการใช้ไฟเยอะแต่จ่ายค่าไฟน้อยหรือเป็นการขโมยไฟใช้ จึงได้ไปขออนุมัติหมายค้นจากศาลจ.ราชบุรี และเข้ามาตรวจค้นในวันนี้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบด้านในก็ไปพบเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นเครื่องที่ใช้ทำบิตคอยน์ ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานและจะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บข้อมูลอีกครั้ง
ส่วนนายวินัย ยุงทอง ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโพธาราม ก็บอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีการเฝ้าระวังเรื่องของค่ากระแสไฟฟ้าอยู่แล้ว และอยู่ๆไฟหายไปช่วงหนึ่งจึงเกิดความสงสัย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตรวจสอบ ซึ่งการใช้ไฟของโรงงานนั้นค่าไฟมันน่าจะมากกว่านี้ แต่มีการจ่ายเพียงแค่ครึ่งเดียว ซึ่งก็จะต้องไปคำนวนอีกครั้งว่าค่าไฟนั้นมันเหมาะสมกับโรงงานแบบนี้หรือไม่ มีส่วนต่างมากแค่ไหน ซึ่งก็อยากจะฝากแจ้งเตือนให้กับผู้ใช้ไฟทุกท่านอย่าขโมยไฟใช้เลย เพราะไฟฟ้ามีเครื่องตรวจจับได้ตลอด จะขโมยใช้อย่างไรก็ตรวจจับได้อยู่ดี ซึ่งหากมาตรวจสอบพบก็จะต้องคิดค่าละเมิดย้อนหลัง ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นจะต้องไปคิดคำนวนย้อนหลังอีกครั้งว่ามีความเสียหายเท่าไหร่
