สาวท้อง 5 เดือน เตี๊ยมเจ้าหนี้กุเรื่อง ถูกจับคลุมหัว มัดมือทิ้งกลางป่า ตร.เค้นสอบ รับสารภาพ

View icon 159
วันที่ 31 พ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สาวท้อง 5 เดือน ถูกจับคลุมหัว มัดมือทิ้งกลางป่า ตร.เค้นสอบนาน 3 ชั่งโมง ยอมรับสารภาพ เตี๊ยมเจ้าหนี้สร้างสถานการณ์ หลังแอบเอาเงินผัวใช้หนี้เกือบ 8 หมื่นบาท แต่กลัวผัวรู้เงินหาย  ด้านสามีให้อภัย วอนตำรวจไม่เอาเรื่อง

วันนี้ (31 พ.ค.67) เมื่อเวลา 01.00 น. ตำรวจ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือมีหญิงสาวท้อง 5 เดือน ถูกคนร้ายจับมัดไว้ในป่าบังคับให้โอนเงินเกือบแสนบาท สามี เพื่อนๆ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยกันตามหาพบตัวพบถูกมัดไว้กับต้นไม้ในป่ากระถินรกทึบหลังตึกสูง ใกล้สี่แยกการเคหะเมืองใหม่บางพลี ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และถูกรื้อค้นทรัพย์สิน อยู่ระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลเสาธง ให้แพทย์ตรวจร่างกาย จึงนำกำลังไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนพักอาศัยอยู่ในชุมชนการเคหะเมืองใหม่บางพลี ก่อนเกิดเหตุได้ออกมาถ่ายเอกสาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก หลังจากที่ถ่ายเอกสารเสร็จกำลังจะกลับห้องพัก ปรากฎว่ามีชายสองคนสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า เดินประกบจากด้านหลัง และใช้มีดจี้บังคับให้ตนขึ้นรถกระบะของคนร้าย ก่อนจะใช้ถุงดำคลุมหัว พาเข้ามาในป่าจุดดังกล่าวและบังคับเอาเงินในบัญชีจำนวน 80,000 บาทไป ซึ่งคนร้ายยังเอาบัตรเอทีเอ็มและซิมการ์ดของตนไปด้วย ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักรกับคนร้ายสองคนนี้มาก่อน

ขณะที่ สามีของ น.ส.เอ  เล่าว่า ภรรยาตนกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ได้ส่งข้อความมาบอกว่าจะออกไปถ่ายเอกสาร ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเงียบหายไปนาน ด้วยความเป็นห่วง จึงทักข้อความไปหา แต่กลับพบข้อความตอบกลับระบุว่า “ถ้ามึงอยากให้ลูกเมียปลอดภัยก็อย่าแจ้งตำรวจ” เมื่อเห็นข้อความตนก็ตกใจ จึงตั้งสติแล้วส่งข้อความกลับไปหาภรรยาอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นยังคิดว่าภรรยาหยอกเล่น และพยายามโทรกลับแต่ไม่รับสาย กระทั่งมีการส่งรูปภาพกลับมาว่าตัวภรรยาอยู่ในป่า จึงรีบแจ้งพี่สาวและเพื่อน ๆ ช่วยกันออกตามหานานกว่า 3 ชั่วโมง จนพบว่าภรรยาถูกมัดอยู่ในป่าจริง

ด้าน เพื่อนของ น.ส.เอ ซึ่งช่วยออกตามหาและพบตัวตอนแรก เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า หลังจากที่คนร้ายส่งภาพดังกล่าวมาทางข้อความ ตนก็ออกตามหาตามป่ากระถินจนมายังจุดดังกล่าว จึงแจ้งให้กู้ภัยช่วยตามหา จนไปพบตัว ซึ่งสภาพที่พบในตอนแรกคือ น.ส.เอ ถูกมัดมือไขว้หลังตามคลิปที่ถ่ายไว้ นอกจากนั้น ยังพบว่ากระเป๋าของ น.ส.เอ ถูกรื้อและเทเอกสารภายในกระเป๋าออกจนกระจัดกระจาย จึงช่วยกันแก้มัดมือก่อนจะพาส่งโรงพยาบาล

ส่วน นาย ธีรพล เจวรัมย์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ที่เข้าไปช่วยเหลือ เล่าว่า ป่าดังกล่าวอยู่หลังตึกร้างห่างจากถนนหลักไม่กี่สิบเมตร โดยปกติแล้วจะไม่มีใครเข้าไปในป่าแห่งหนี้ ส่วนสภาพที่เจอหญิงคนดังกล่าวนั้นพบว่าถูกมัดมือไขว้หลังจริง ซึ่งต้องมีคนจับมัดถึงอยู่ในสภาพนั้นได้

ต่อมา สืบสวนของสภ.บางเสาธงร่วมกับพนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำ น.ส.เอ พร้อมทั้งตรวจสอบคลิปวีดีโอที่ครอบครัวของ น.ส.เอ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ขณะเดินเท้าเข้าไปในป่ากระถินช่วยเหลือ เบื้องต้นกลับพบพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญในโทรศัพท์ของหญิงคนดังกล่าว ซึ่งพบหลักฐานการโอนเงินให้บุคคลอื่นหลายครั้ง รวมถึงเอกสารและหลักฐานการกู้เงินนอกระบบ จึงสอบถาม น.ส.เอ อีกครั้ง โดยตอนแรกยอมรับว่า ตนเองเคยติดการพนันออนไลน์จริง แต่เลิกไปนานแล้ว และเคยกู้เงินกู้นอกระบบมา แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

จากคำให้การเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงเชิญตัวมาสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง ประกอบกับหลักฐานทางเทคนิคที่ฝ่ายสืบสวนของ สภ.บางเสาธง พบหลักฐานการเงินของผู้เสียหายรายนี้ สุดท้ายจึงยอมเปิดปากรับสารภาพว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนเองเป็นคนสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา โดยร่วมมือกับทางเจ้าหนี้นอกระบบที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ตนเองเคยกู้เงินมาราว 7 หมื่นบาท แต่ตนแอบนำเงินเก็บของสามีไปใช้คืน ด้วยความที่กลัวว่าสามีจะรู้เรื่องว่าเงินหายไปไหน จึงวางแผนร่วมกับเจ้าหนี้ ทำทีว่าถูกจี้บังคับเอาเงินจำนวน 8 หมื่นไป ซึ่งเจ้าหนี้ก็ให้ความร่วมมือและนัดหมายส่งคนมายังพื้นที่ จนกระทั่งถึงเวลานัด มีชายสองคนมาจี้เธอขึ้นรถและใช้ถุงดำคลุมหัว ก่อนจะพาเธอไปมัดปล่อยไว้ที่ต้นไม้กลางป่า จากนั้นส่งข้อความบอกสามี จนเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น

เบื้องต้นฝ่ายสามีขอไม่ให้ทางด้านตำรวจเอาความหรือเอาผิดกับภรรยา เพราะสงสารและขอให้เห็นแก่เด็กในครรภ์ ตำรวจจึงทำประวัติและว่ากล่าวตักเตือน พร้อมทั้งให้ข้อคิดต่อหญิงคนดังกล่าวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งผลพวงมาจากการหลงผิดไปเล่นการพนัน