เชียงใหม่เจออีก ลักลอบขนไม้ประดู่ 40 ท่อน รอบนี้ซุกมากับรถส่งพัสดุ

View icon 108
วันที่ 29 พ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อช.ดอยอินทนนท์ สกัดจับกระบะส่งพัสดุ ลักลอบขนไม้ประดู่ 40 ท่อน ซุกซ่อนมาเกือบเนียน ทำยันทึกตรวจยึดแจ้ง สภ.จอมทอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

เชียงใหม่ วานนี้(28 พ.ค.2567) เวลาประมาณ 15.40 น. นายเกรียงไกร  ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ รายงานว่า ตามข้อสั่งการของ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ทุกหน่วยงานป้องกันปรามปรามการลักลอบกระทำความผิดด้านทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น ภายใต้การอำนวยการของ นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เจ้าหน้าที่ อช.ดอยอินทนนท์ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบขนไม้ผิดกฎหมาย ผ่านเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จึงได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ

ต่อมาเวลาประมาณ 15.40 น. ได้มีรถกระบะตู้ทึบ ซึ่งมีลักษณะรถตรงกับที่สายลับแจ้งได้ขับรถยนต์ออกจากเขตพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทาง อ.จอมทอง โดยใช้เส้นทาง อ.แม่แจ่ม- อ.จอมทอง ทล.1192 มาถึงด่านตรวจจุดที่ 2 ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และส่งสัญญาณให้หยุดรถทางด้านซ้าย เพื่อทำการตรวจค้นตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกอยู่บนรถ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์คัน ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแมกซ์ สีขาว ทะเบียนเชียงใหม่ พบมีพัสดุวางทับกันหลายชิ้นและพบพัสดุต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้งทรงเหลี่ยม และทรงกลมปิดทับด้วยกระดาษสีน้ำตาล และมีพลาสติกใสพันรอบอีกชั้นหนึ่ง วางอยู่ใต้พัสดุดังกล่าวจึงได้ขออนุญาตนายพิชัยฯ เพื่อทำการเปิดดูของข้างใน

จากการเปิดดูพบว่าวัสดุที่ปิดทับคือไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 7 ชิ้น และอยู่ในกล่องกระดาษสีน้ำตาลด้านข้างมีตัวอักษรเขียนว่าอีซี่ จำนวน 2 กล่อง เมื่อเปิดดูพบไม้ประดู่ทั้งหมด จำนวน 40 ท่อน ปริมาตรรวม 0.080 ลูกบาศก์เมตร เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกการตรวจยึด/จับกุม และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  โดยมอบหมายให้ นายชัยวัฒน์ อาลัยไพรสณฑ์ พนักงานพิทักษ์ป่า เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และนายปิยะ โพธิ พนักงานพิทักษ์ป่า ประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นพยานเพื่อดำเนินการต่อไป