ราชทัณฑ์ ยัน เปิดภาพวงจรปิดเหตุ บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต ยึดหลัก ก.ม.ข้อมูลข่าวสาร ไม่ตัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง

View icon 90
วันที่ 24 พ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ไม่ตัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ราชทัณฑ์ ยัน เปิดภาพวงจรปิดเหตุ บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต ยึดหลักกฎหมายข้อมูลข่าวสาร พร้อมนัดครอบครัว หารือหาแนวทางเหมาะสม ไม่กระทบต่อครอบครัวและบุคคลอื่น

วันนี้ (24 พ.ค.67) กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณี นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือทนายด่าง และน.ส.วีรดา คงธนกุลโรจน์ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ เดินทางไปขอข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ ทำการตรวจรักษา น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง โดยระบุว่า กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้แจ้งให้ทนายความรับทราบว่า ยังไม่สามารถส่งมอบข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลฯ แก่ทนายความของ น.ส.เนติพร ตามที่ร้องขอได้ เนื่องจากเป็นกรณีที่ต้องพิจารณาให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด ได้แก่ สิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ และสิทธิส่วนบุคคลของบุคลากรทางการแพทย์ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจรักษาในขณะเกิดเหตุ รวมทั้งภาพไม่เหมาะสมในช่วงเวลาที่กำลังตรวจรักษาอาการเจ็บของผู้ป่วย

โดยกรณีสิทธิส่วนบุคคลดังกล่าว ถือเป็นกรณีละเอียดอ่อน หากเผยแพร่ไปสู่สาธารณะอาจเป็นฐานข้อมูล และคงอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต หรือโลกโซเชียล โดยไม่ปรากฏหลักประกันว่าแม้ระยะเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็อาจจะไม่สามารถนำออกจากระบบดังกล่าวได้ อีกทั้งยังเป็นการยากที่จะตรวจสอบได้ว่าข้อมูลดังกล่าวยังอยู่ในระบบโซเชียลมีเดียหรือไม่ ดังนั้น จึงถือเป็นความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียชีวิต ญาติผู้เสียชีวิต บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ต้องขังอื่นที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด รวมถึงอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการในด้านของการควบคุม และตรวจรักษาผู้ต้องขังภายในเรือนจำ ดังนั้น กรมราชทัณฑ์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งการพิจารณาให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บิดามารดาของผู้เสียชีวิต และเรียนเชิญนัดหมายให้ไปตรวจสอบและปรึกษาหารือร่วมกันกับทางทัณฑสถานฯ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่ไม่กระทบต่อครอบครัวและบุคคลอื่น

กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่าการเปิดเผยข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด ตามที่ทนายความร้องขอได้หรือไม่อย่างไรนั้น ต้องถือปฏิบัติตามหลักการที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอื่น และของผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ ที่กำหนดไว้ตาม ม.15 (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ประกอบกับ ม.7 แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ตัดสิทธิของผู้ที่ยื่นขอข้อมูลดังกล่าวที่จะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น และขอให้ติดตามข้อมูลทางการแพทย์และผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน